สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ว่า การเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงการบริหาร แนวทางการจ้างงาน และขั้นตอนรับสมัครนักศึกษา ถือเป็นการขยายรายการ ซึ่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่มีคำสั่งให้ปิดสำนักงานความหลากหลาย และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ในการคัดกรองนักศึกษาต่างชาติ
นายอลัน การ์เบอร์ ประธานกรรมาธิการมหาวิทยาลัย ให้คำมั่นในจดหมายถึงนักศึกษาและคณาจารย์ว่า “จะท้าทายรัฐบาล” และยืนกรานว่า มหาวิทยาลัยจะไม่เจรจาเกี่ยวกับความเป็นอิสระ หรือสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่แล้ว
Breaking News: Trump officials said they would freeze $2.2 billion in grants to Harvard after the university refused the administration’s demands.https://t.co/OObkamsFhE
— The New York Times (@nytimes) April 15, 2025
คณะทำงานพิเศษเพื่อขจัดการต่อต้านชาวยิวของทรัมป์ ตอบโต้ด้วยแถลงการณ์ประกาศระงับเงินทุนช่วยเหลือ 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 73,708 ล้านบาท) เป็นระยะเวลาหลายปี รวมถึงการระงับสัญญาของรัฐบาลมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,010 ล้านบาท)
“การหยุดชะงักของการเรียนรู้ ซึ่งก่อกวนวิทยาเขตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ การคุกคามนักศึกษาชาวยิวเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ถึงเวลาแล้ว ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำจะต้องนำปัญหานี้มาพิจารณาอย่างจริงจัง และมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง หากต้องการการสนับสนุนจากผู้เสียภาษีต่อไป” รายงานของรัฐบาลระบุ
การ์เบอร์ยืนกรานว่า “ฮาร์วาร์ดเปิดรับข้อมูลใหม่ และมุมมองที่แตกต่าง” แต่จะไม่เห็นด้วย กับข้อเรียกร้องที่เกินขอบเขตอำนาจตามกฎหมายของฝ่ายบริหารนี้ หรือฝ่ายบริหารใด ๆ และรัฐบาลไม่ควรกำหนดว่ามหาวิทยาลัย “สามารถสอนอะไร รับหรือจ้างใคร และต้องศึกษาค้นคว้าในสาขาใด”
จุดยืนดังกล่าวถือว่า “ตรงกันข้าม” กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการประท้วงสนับสนุนชาวปาเลสไตน์เมื่อปีที่แล้ว ที่ยอมตกลงปฏิรูปขั้นตอนการลงโทษนักศึกษา ตามแนวทางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยเพิ่มอีก 36 คน.
เครดิตภาพ : AFP