กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับเรื่องราวของอดีตนางเอกสาวผู้ล่วงลับ “แตงโม นิดา” ที่ได้เลิกรากับนักร้องหนุ่มชื่อดัง “โตโน่ ภาคิน” ทั้งที่เข้าพิธีหมั้นหมายจนกลายเป็นเรื่องราวช็อกสะเทือนวงการ เมื่อ แตงโม คิดจบชีวิตหลังจากเลิกรากับนักร้องหนุ่ม
ซึ่งในวันที่ 13 ก.พ. 59 แตงโม ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ Club Friday SHOW ถึงสาเหตุการเลิกราโดยแตงโม เผยว่า “อยู่ด้วยกันเราก็จะมีความเหนื่อยจากทุนเดิมที่เราคิดว่าเราผ่านมันมมาได้จริง ๆ แต่ไม่ค่ะ มันเป็นรากขมขื่นในจิตใจ แล้วงานเราลดอย่างเห็นได้ชัด สภาพครอบครัวเราหดหู่เรามีจิตใจที่ค่อนข้างแย่กันทั้งครอบครัว ในช่วงเนี้ยแหละค่ะ โน่ยังโตไม่มากพอที่จะข้ามผ่านช่วงนี้ไปได้ ในสภาวะของผู้นำครอบครัว แต่โมคิดว่าโมผ่านมันไปได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาโมทำผิดนะคะ มันมีช่วงที่เราหดหู่กันมากแล้วเรามีความลับกับเค้า จะมีช่วงหนึ่งที่โมออกมาสารภาพว่า โมไม่ซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์ตรงงั้นไม่เกี่ยวกับการนอกใจหรือไม่นอกใจ ในเคสของโม โมไม่ซื่อสัตย์จริงๆโมมีความลับ โมเลือกที่จะปรึกษาผู้ใหญ่หลายๆคน ซึ่งโมเอ่ยนามไม่ได้เลย โมไม่อยากให้โตโน่รู้เลย นั่นคือความลับโมเลยไม่ให้ดูโทรศัพท์ โมจะบอกว่า ที่เราเลิกกันครั้งนี้เพราะโมไม่ให้ดูโทรศัพท์โมมีความลับที่อยู่ในโทรศัพท์ โมคิดว่ามันเป็นสาเหตุที่เล็กเกินไปสำหรับคนที่มีครอบครัวแล้วจะก้าวข้ามผ่านไม่ได้ “
“(ดูไม่ได้เพราะเรื่องที่คุยหรือคนที่คุย?)“ทั้งสองอย่างเลยค่ะ โมเลือกที่จะคุยกับคนที่สนิทกับเค้าด้วยซ้ำ แต่เรื่องที่คุยบางเรื่อง ถ้าโมไปเห็นแบบเนี้ยในเครื่องโทรศัพท์ของโน่ โมรับไม่ได้ โมรับไม่ได้ว่าทำไมต้องปรึกษา ทำไมกระโดดไปปรึกษากับคน ๆ เนี้ย ทำไมไม่คุยกันเอง แล้วทำไมพูดเรื่องนี้ คือถ้าเป็นโมโมก็คิดค่ะ โมก็เข้าใจ ทำไมไม่ให้ดูอ่ะ ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้ดูสิ แต่แบบโมพูดข้อเสียของเค้า ก็ปรึกษาว่าเนี่ย เป็นแบบเนี้ย แบบเนี้ย แล้วเค้า เค้าจะต้องมารู้สึกว่าคนที่เค้าเคารพ คนที่เค้าไว้ใจ มีความลับกับโมอ่ะ โดยที่เค้าไม่รู้เรื่องน่ะ เค้าจะต้องเสียศรัทธากับคนที่เค้าเคยแบบเคารพ โมไม่น่ะ โมเลือกที่จะไม่ต้องรู้แล้วให้คิดว่าโมไปมีคนอื่นเลยแล้วกัน จะได้ไม่ต้อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่คนนั้นกับเค้าไงคะ”

แตงโม เผยต่อว่า “เพราะว่าในความคิดโมเนี่ย โมมีความรู้สึกว่าความรักอ่ะค่ะ มันไม่มีข้อไหนเลยที่ คนรักกันจะให้อภัยกันไม่ได้ เราคุยกันหลายรอบมากแล้วค่ะ แต่เราให้กันไม่ได้ หลาย ๆ เรื่องน่ะค่ะ อย่างที่บอกว่าปัญหาสึนามิครั้งแรกมันยังไม่หมดไปจากใจของเรา ทั้งคู่จริง ๆ บวกกับคนตกงานน่ะค่ะ สภาพของคนตกงานมันย่ำแย่ จากคนที่เคยแบบอยู่ในระดับต้น ๆ วันนึงเราตกงาน เราเลยคิดว่ามันเป็นเพราะว่าแต่งงานหรือเปล่า โมไม่โทษนะคะ แต่โมมีความรู้สึกว่าโตโน่โทษ ตอนแรกโมไม่คิดแต่โมมีความรู้สึกตอนที่เราเลิกกันไปแล้ว แล้วโน่ได้พูดกับแฟนคลับว่า สองปีที่ผ่านมาถ้าผมทำอะไรให้คุณเสียใจ ผมทำอะไรผิดพลาดไป ผมขอโอกาสที่จะกลับมา คือโมมีความรู้สึกว่าสองปีที่ผ่านมาคือความผิดใช่มั้ยที่มาคบกับหนู ตัวโน่เองก็เริ่มที่จะปล่อย เริ่มไม่ปกป้อง อะไรอย่างเนี้ยตอนนั้นกำลังที่เราจะสู้มันเยอะเลยค่ะ แต่พอวันนึงกำลังเราหมดเนี่ย โมรู้สึกว่าเหมือนโมสู้อยู่คนเดียว”

“มันอาจจจะเป็นเรื่องเดียวที่โมไม่สามารถรับได้ (เรื่องโทรศัพท์) เรื่องนี้แหละค่ะ โมเฉลยกับเขา โมจะเล่าให้ฟัง มันเป็นเรื่องที่ตลกมากเลยค่ะ แล้วมันดูเหมือนมันไม่จริงแต่มันจริงนะ วันเกิดเค้าคือโมปฏิเสธมาตลอดว่าโมไม่ได้มีอะไรนอกเหนือไปจากการแบบปรึกษาหรืออะไรอย่างนี้นะ ซึ่งมันก็ไม่มีจริง ๆ นะคะ แล้วพอถึงวันเกิดเค้า โมคิดว่าโมให้ของขวัญอะไรเค้ามากมายไม่ได้ แล้วสิ่งที่เค้าน่าจะต้องการมากที่สุดคือคำสารภาพจากเรา อย่างน้อยโมจะได้ให้เค้าในวันเกิดเค้า โมก็เลยพิมพ์ไปสารภาพกับเค้า ว่า เออ โมไม่ซื่อสัตย์นะ โมคุยกับคน ๆ นึงแต่โมไม่สามารถเปิดเผยตัวได้ เพราะว่าโมก็ต้องปกป้องเค้าเพราะว่าโมเป็นคนเข้าหาเค้าเอง ไม่มีตัวตนค่ะ เพราะโมไม่ได้คุย โมแค่อยากจะบอกในสิ่งที่เขาอยากฟัง เค้าคิดว่าโมกลับไปคุยกับแฟนเก่า”

แตงโม เล่าต่อว่า “คือโมคิดว่าบางทีคนเราอาจจะอยากได้ยินในสิ่งที่อยากได้ยิน อยากจะได้ยินคำขอโทษ อยากจะได้ยินคำที่เขาอยากจะฟัง เขาอาจจะให้อภัยเราก็ได้ไม้ได้คุยกับแฟนเก่าค่ะ เพราะว่าโมไม่ได้คุยกับแฟนเก่าจริง ๆ โมจะไปบอกว่าโมคุยกับแฟนเก่าไม่ได้เพราะฉะนั้น แฟนเก่าจะเดือดร้อนมากเลยนะคะ คือ แล้วโมก็ต้องมีตัวละครใหม่ ซึ่งมันไม่มีตัวตน โมก็นั่งคิดกับตัวเองว่าทุกวันนี้ ในสายตาของโตโน่เนี่ย โมเนี่ยไปคุยกับคนอื่นน่ะ โมก็ถามตัวเองว่าเราคุยกับใครวะเราบอกในสิ่งที่เขาอยากจะฟัง ซึ่งจริง ๆ แล้วโมไม่บอกก็ได้ บอกหรือไม่บอกมันก็เท่าทุนน่ะค่ะ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่กลับมาหรอก“
“บอกกันหลังจากที่เลิกไปแล้วมันก็เป็นวิธีที่แปลกมาก คือโมเสียสละที่จะเป็นคนผิดไปเลยอ่ะ”เพื่อให้เค้าเลิกค้างคาใจ ตั้งแต่เลิกกันโตโน่ไม่เคยเป็นฝ่ายที่ติดต่อกลับมาเลยอย่างวันที่โมไม่คิดจะอยู่เค้าก็ไม่มาหา วินาทีที่ไม่อยากอยู่คือไม่อยากอยู่จริง ๆ ตอนนั้นอารมณ์ชั่ววูบบวกกับสภาวะโรคซึมเศร้าที่หนักมาก ๆ แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ตอนนั้นพระเจ้าก็ไม่อยู่ในหัวแล้วค่ะ พ่อแม่ก็มีนะคะ แต่ว่าอารมณ์มาก่อน ความคิดชั่ววูบมักจะไม่คิดถึงใคร ยกเว้นอารมณ์ของตัวเอง โมโทรไปถาม จำไม่ได้หรือ ตอนเราแต่งงานเราสัญญากันว่าอะไร เค้าก็ตอบกลับมาว่าคุณก็รู้นะว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากคุณ แล้วจะให้ผมทำยังไง มันเป็นน้ำเสียงที่ไร้เยื่อใยมาก แล้วโมรับไม่ได้ พอโมได้ยินคำพูดแบบนั้นแล้ว วางสายปุ๊บ ไม่มีแรงทำอะไรเลย ชีวิตโม หัวใจโมไปแล้วน่ะ อยู่ทำไมล่ะโลกใบเนี้ย ก็ในเมื่อเค้าคือที่สุดของชีวิตแล้วอ่ะ คือ นิยามความรักโมเค้าคือโลกทั้งใบของโม เป็นบ้าน เป็นบ้านที่แบบไม่ว่าโมจะไปที่ไหนก็ตาม โมเข้าไปอยู่ เค้าจะคือที่พักพิง คือที่หลบภัย คือโมมองความรักเป็นแบบนั้น อีกอย่างคือ ฝากความหวังเยอะเกินไปอย่างที่บอกน่ะค่ะ”ยังรักเค้าอยู่เต็มหัวใจเลยค่ะ แต่อยู่ในที่ลึกที่สุดแล้ว แต่โมเชื่อว่าทุกคนที่ฆ่าตัวตายไม่คิดอยากจะฟื้นขึ้นมาเจออะไร แต่พระเจ้าต้องการให้โมเข้มแข็งกว่านี้ ต้องแข็งแรงกว่านี้”


ขอบคุณภาพประกอบจาก: Club Friday SHOW