เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 “รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้ออกมาไขข้อสัย “ถ้าหากมีอาการเมาค้างและปวดหัว ควรทานพาราเซตามอลได้หรือไม่”
โดยหมอหมู ระบุข้อความว่า “แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน รวมถึงหลายงานวิจัยออกมายืนยันว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่าการทานยาพาราเซตามอล พร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น จะก่อให้เกิดปัญหาใดๆ”

อีกทั้ง ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกหลายท่านที่แนะนำว่าไม่ควรกระทำ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
1. แอลกอฮอล์เป็นสารที่มีผลกระทบต่อการทำงานของตับ และเพิ่มการผลิตเอนไซม์ที่ทำให้ยาพาราเซตามอลถูกย่อยเป็นสารพิษที่เรียกว่า NAPQI ซึ่งสามารถทำลายเซลล์ตับได้
2. การกินยาพาราเซตามอลหลังดื่มแอลกอฮอล์ อาจเป็นอันตรายต่อตับ โดยเฉพาะถ้าดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
3. ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระหว่างใช้ยาพาราเซตามอล หรือรออย่างน้อย 6 ชั่วโมงหลังดื่มแอลกอฮอล์ก่อนใช้ยา และอย่าใช้ยาเกินครั้งละ 500-1,000 มิลลิกรัม หรือเกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน
นอกจากนี้ วิธีแก้อาการปวดหัวเมาค้าง มีดังต่อไปนี้
1. ดื่มน้ำเปล่า น้ำมะนาว หรือน้ำส้มในปริมาณมาก เพื่อชดเชยการเสียน้ำ และเร่งการขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย
2. รับประทานอาหารที่มีโปรตีน แป้ง และวิตามิน เช่น ไข่ต้ม ขนมปัง กล้วยหอม นมช็อกโกแลต เพื่อช่วยดูดซับและขจัดสารพิษ และเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
3. ดื่มเครื่องดื่มวิตามิน หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ เพื่อเติมแร่ธาตุและวิตามินที่สูญเสียไป และปรับสมดุลของร่างกาย
4. ดื่มกาแฟดำ หรือชาเขียว เพื่อช่วยกระตุ้นสมอง และลดอาการปวดหัว
5. หากมีอาการปวดหัวรุนแรง การใช้ยาแก้ปวดไอบูโพรเฟนอาจเป็นวิธีรักษาอาการปวดหัวอาการเมาค้างได้ดีกว่า โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นตามมา
อย่างไรก็ตาม “ยังไม่มีหลักฐานว่าการทานยาพาราเซตามอล พร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น จะก่อให้เกิดปัญหาใดๆ แต่ในความเห็นส่วนตัว ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็น่าจะดีกว่านะ” หมอหมู กล่าว