ตลาดหุ้นไทยดิ่งตัวหนักตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนกระทั่งก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,128.66 จุด ลดลง 5.29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,692.72 ล้านบาท ส่วนทิศทางหลังสงกรานต์นี้ บล.เอเซียพลัส คาดว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสกลับมาคึกคักมากขึ้นจาก 3 ปัจจัยหนุน คือ

1.แรงกดดันจากการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐที่ไม่มีการตอบโต้กลับ กว่า 75 ประเทศ ถูกเลื่อนออกไป 90 วัน โดยตลอด 5 เดือน หลังทรัมป์ได้รับเลือกเป็น ปธน.สหรัฐ สร้างความกังวลต่อการตั้งกำแพงภาษีประเทศต่างๆ ซึ่งไทยเองก็เสี่ยง เพราะติด 1 ในรายชื่อ Dirty 15 กดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนลดลง และแห่เทขายหุ้น จน SET Index ลงเร็วและลึกเกินกว่า -25% ส่วนผลกระทบการขึ้นภาษี 10% เบื้องต้นประเมินอาจกดดัน GDP ไทยชะลอลง แต่ไม่ถึงขนาดติดลบ 2 ไตรมาสติด จนเกิดเป็น Technical Recession

2.มาตรการทางการคลัง-การคลัง หนุนช่วง 2Q68 ทั้งการผ่อนปรน LTV และการลดค่าโอนจดจำนองเหลือ 0.01% ตั้งแต่ 1 พ.ค. 68 ถึง 30 มิ.ย. 69, ต่อเนื่องกับเม็ดเงิน ThaiESGX ที่จะทยอยเข้ามาหนุนตลาดฯ ในเดือน พ.ค. 68 เช่นกัน

3.กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยจาก 2% เหลือ 1.75% ในการประชุม 30 เม.ย. 68 นี้ หลังไทยเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ตัวเลข นักท่องเที่ยวชะลอลง เงินเฟ้ออยู่ใยระดับที่ต่ำ

กลยุทธ์หลังสงกรานต์แนะเก็งกำไรหุ้นพื้นฐานราคาลงลึกที่คาดว่าจะดีดตัวแรงผ่านเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้

  • เป็นหุ้น GLOBALIZATION ขนาดใหญ่
  • ลงแรงเกิน -35% ในช่วง 5 เดือน
  • มี BETA > 1เท่า หวังรีบาวน์แรง
  • หวังมีแรง COVER SHORT เสริม
  • มี ESG RATING สูง สถาบันฯมีโอกาสสะสมเพิ่ม
  • คาดปันผลเกิน 5% ต่อปี ได้ผลลัพธ์ 6 หุ้น คือ WHA, KCE, SCGP, TOP, PTTGC, SCC

ด้าน บล.ทิสโก้ แนะนำเลือกลงทุนหุ้นที่แนวโน้มงบไตรมาส 1/2568 เติบโต ได้รับผลกระทบจำกัดจากสงครามการค้า อาทิ BJC, CPN, EKH ผสานกับหุ้นที่คาดว่าจะมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุนราคาหุ้น Outperform ในระยะสั้น เด่น AEONTS, HMPRO, PTTEP, SCCC  ดังนั้น หุ้นเด่นที่ บล.ทิสโก้ แนะนำในเดือน เม.ย. คือ AEONTS, BJC, CPN, EKH, HMPRO, PTTEP และ SCCC