สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ว่า นายเควิน แฮสเซตต์ ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า มีมากกว่า 50 ประเทศ ติดต่อโดยตรงมายังรัฐบาลวอชิงตัน เพื่อขอเจรจาเกี่ยวกับการที่สหรัฐเตรียมใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน ซึ่งแฮสเซตต์ยืนยัน ว่าจะมีผลตามกำหนด คือในวันที่ 9 เม.ย. นี้
อย่างไรก็ตาม แฮสเซตต์ยืนยันว่า สหรัฐพร้อมเจรจาและรับฟังข้อเสนอ หรือ “การแลกเปลี่ยน” จากแต่ละประเทศ ว่าจะเป็นอย่างไร และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า เนื่องจากเรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ดังนั้น การเจรจาคงไม่อาจบรรลุผลได้ภายในเพียงไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์
"More than 50 countries have reached out to the president to begin a negotiation," says National Economic Council Director Kevin Hassett.
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) April 6, 2025
"They're doing that because they understand that they bear a lot of the tariff." pic.twitter.com/3r19WKFqL2
ขณะที่นายสกอตต์ เบสเซนต์ รมว.การคลังสหรัฐ กล่าวว่า มาตรการภาษีของทรัมป์คือการที่สหรัฐ และนานาประเทศ “ต้องเข้าสู่กระบวนการปรับตัว” จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องกังวลว่า เศรษฐกิจของสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับภาวะถดถอย สวนทางกับการวิเคราะห์ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ทั้งโลก ซึ่งมองไปในทางเดียวกัน ว่ามีโอกาสมากกว่าครึ่ง ที่เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับภาวะถดถอย
.@SecScottBessent brings the facts on tariffs during President Trump's first term: Households saw real net wages go up, while prices increased just 0.7% and the country took in tens of billions of dollars in new revenue. pic.twitter.com/BbZERK91rW
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) April 6, 2025
ด้านนายโฮวาร์ด ลุตนิก รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า “ภาษีพื้นฐาน” ในอัตรา 10% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา จะยังคงมีผล “อีกหลายวันหรืออีกหลายสัปดาห์”
เกี่ยวกับการที่มาตรการภาษีต่างตอบแทน ครอบคลุมถึงหมู่เกาะเฮิร์ดและหมู่เกาะแมคโดนัลด์ ที่เป็นอีกหนึ่งดินแดนภายใต้อธิปไตยของออสเตรเลีย ในอัตรา 10% ลุตนิก กล่าวว่า “คือการปิดช่องโหว่” ของบางประเทศ อาทิ จีน ในการแปรรูปและใส่เป็นช่องทางในการส่งออกสินค้า.
เครดิตภาพ : AFP