สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 เม.ย.​ ว่า​ นายเควิน แฮสเซตต์ ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า มีมากกว่า 50 ประเทศ​ ติดต่อโดยตรงมายังรัฐบาลวอชิงตัน เพื่อขอเจรจาเกี่ยวกับการที่สหรัฐเตรียมใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน ซึ่งแฮสเซตต์ยืนยัน ว่าจะมีผลตามกำหนด คือในวันที่ 9 เม.ย. นี้


อย่างไรก็ตาม แฮสเซตต์ยืนยันว่า สหรัฐพร้อมเจรจาและรับฟังข้อเสนอ หรือ “การแลกเปลี่ยน” จากแต่ละประเทศ ว่าจะเป็นอย่างไร และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า เนื่องจากเรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ดังนั้น การเจรจาคงไม่อาจบรรลุผลได้ภายในเพียงไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์


ขณะที่นายสกอตต์ เบสเซนต์ รมว.การคลังสหรัฐ กล่าวว่า มาตรการภาษีของทรัมป์คือการที่สหรัฐ และนานาประเทศ “ต้องเข้าสู่กระบวนการปรับตัว” จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องกังวลว่า เศรษฐกิจของสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับภาวะถดถอย สวนทางกับการวิเคราะห์ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ทั้งโลก ซึ่งมองไปในทางเดียวกัน ว่ามีโอกาสมากกว่าครึ่ง ที่เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับภาวะถดถอย


ด้านนายโฮวาร์ด ลุตนิก รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า “ภาษีพื้นฐาน” ในอัตรา 10% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา จะยังคงมีผล “อีกหลายวันหรืออีกหลายสัปดาห์”


เกี่ยวกับการที่มาตรการภาษีต่างตอบแทน ครอบคลุมถึงหมู่เกาะเฮิร์ดและหมู่เกาะแมคโดนัลด์ ที่เป็นอีกหนึ่งดินแดนภายใต้อธิปไตยของออสเตรเลีย ในอัตรา 10% ลุตนิก​ กล่าวว่า “คือการปิดช่องโหว่” ของบางประเทศ อาทิ จีน ในการแปรรูปและใส่เป็นช่องทางในการส่งออกสินค้า.

เครดิตภาพ : AFP