สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ว่า รายงานประจำฤดูใบไม้ผลิคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจขอสหราชอาณาจักรจะเติบโตเพียง 1% ในปีนี้ โดยปรับลดจาก 2% ที่เคยประมาณการไว้ เมื่อปลายเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจากพรรคแรงงาน นำเสนอแผนงบประมาณชุดแรก

อย่างไรก็ตาม สำนักงานเพื่อความรับผิดชอบด้านงบประมาณ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบการใช้จ่ายส่วนกลาง ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของประเทศสำหรับอีก 3 ปีข้างหน้า

นางเรเชล รีฟส์ รมว.คลังสหราชอาณาจักร แถลงต่อสภาสามัญ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่าความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐ และสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อ กำลังทำให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรตกต่ำลง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลสูญเสียเงินสำรองทางการคลัง

เธอย้ำว่า “หน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่แค่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่สภาวะดังกล่าวเรียกร้องให้มีรัฐบาลที่ทำงานอย่างแข็งขัน”

ก่อนประกาศคาดการณ์การเติบโตดังกล่าว รัฐบาลสหราชอาณาจักรเปิดเผยแผนการลดต้นทุนในการบริหารราชการลง 15% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าประหยัดเงินให้ได้ประมาณ 2,000 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 87,626 ล้านบาท)

ข้อมูลอย่างเป็นทางการเผยให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อประจำปีของสหราชอาณาจักรลดลงเหลือ 2.8% เมื่อเดือน ก.พ. จาก 3.0% ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นข่าวดีเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งอังกฤษ (บีโออี) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของประเทศ และกำหนดไว้ที่ 2%

ทั้งนี้ บีโออีคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง พร้อมเตือนว่า เศรษฐกิจของประเทศ “อยู่บนความไม่แน่นอน”.

เครดิตภาพ : AFP