เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ศูนย์ราชการอาคาร B ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.สตม.1 พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.1 นำกำลังตำรวจปูพรมตรวจค้นร้านคาราโอเกะ บาร์โฮส สถานบันเทิง สถานบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 10 จุด ในเขตบางบอน บางขุนเทียน คลองเตย และร่มเกล้า หลังพบว่าเป็นสถานประกอบการสุ่มเสี่ยงที่จะเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ค้าประเวณีหญิงและเด็ก หรือบังคับใช้แรงงาน หรือมีแนวโน้มที่จะจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย
จากการตรวจค้นพบว่าจาก 10 สถานประกอบการ ส่วนใหญ่เป็นห้องทึบ 1-2 คูหา บางแห่งมีฉากกั้นเป็นห้องส่วนตัวแบบห้องวีไอพี มีเวที และจอคาราโอเกะสำหรับร้องเพลง ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยมีหญิงสาวจำนวนมากกำลังเอ็นเตอร์เทนลูกค้า บางแห่งที่เป็นบาร์โฮสก็จะเป็นบริกรชายคอยเอ็นเตอร์เทน และมีเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่จ้างแรงงานอย่างถูกต้อง ที่เหลืออีก 8 แห่งพบการกระทำความผิด ทั้งพบบุคคลต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน/อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือ โอเวอร์สเตย์/ไม่มีหนังสือเดินทาง และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างผิดกฎหมาย รวมแล้วสามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวได้รวม 53 คน และเวียดนาม 4 คน และจับกุมนายจ้างที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงานอีก 1 คน รวมทั้งสิ้น 58 คน

พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันจากข้อมูลการสืบสวนพบว่า ปัจจุบันรูปแบบของร้านคาราโอเกะและสถานบันเทิงเปลี่ยนไป หลายแห่งเริ่มเป็นเปลี่ยนบาร์โฮส มีบริกรชายคอยเอ็นเตอร์เทน ส่วนร้านคาราโอเกะ ก็จะมีบริกรหญิงคอยเอ็นเตอร์เทน และส่วนใหญ่ก็มักจะมีการจ้างแรงงานต่างด้าวมาคอยบริการ ส่วนแนวโน้มการก่ออาชญากรรมของคนต่างด้าวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทย ทำให้มีการรวมตัวของคนต่างชาติจำนวนมากในหลายพื้นที่ และก็อาจก่อให้เกิดการกระทำความผิดได้ ตั้งแต่ความผิดที่ไม่รุนแรง เช่น การทำงานอย่างผิดกฎหมาย ไปจนถึงอาชญากรรมต่างๆ ซึ่งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็มีการกวดขันจับกุมบุคคลต่างด้าว หรือนักท่องเที่ยวที่กระทำผิดกฎหมายเรื่อยมา มีการประสานความร่วมมือกับตำรวจพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่สุ่มเสี่ยงหลายๆ แห่ง เพื่อรอปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจับกุม เช่น รอบนอกของกรุงเทพมหานคร ที่เข้าปฏิบัติการปูพรมในครั้งนี้ ก็เป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงของร้านคาราโอเกะ ที่มีข้อมูลว่ามักจะมีบุคคลต่างด้าว โดยเฉพาะคนเวียดนามมาทำงานอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่ในเชิงป้องกันก็ยังมีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวระวังการถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายที่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย