เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 26 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีในวันนี้มีการกำชับพรรคประชาชน ในฐานะพรรคฝ่ายค้านอย่างไรบ้าง ในการโหวตไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้ไม่กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะมั่นใจในเพื่อนร่วมงานทุกคนว่าจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน คือการโหวตไม่ไว้วางใจนายกฯ ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคที่จะต้องทำความเข้าใจ และกำกับเสียงสมาชิกในพรรคของตนเอง 

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วัน ที่ผ่านมามีทั้งพอใจและไม่พอใจ แต่พอใจในการทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านทุกพรรค แต่สิ่งที่ไม่พอใจคือคำตอบที่ออกมาชี้แจงของฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะในช่วงท้ายของการอภิปรายเมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 2568) ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เรายังมีอีกหลายข้อสำคัญที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ และนายกฯ ก็ยังไม่ได้ใช้สิทธิในการแก้ไขข้อกล่าวหาในสภาอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่ามั่นใจอะไรในพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะมีกระแสข่าวว่า จะมีพรรคไทยสร้างไทย ไปยกมือโหวตไว้วางใจนายกฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจในเสียงของพรรคประชาชน ส่วนพรรคการเมืองอื่น ก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรค ตนคงไปก้าวก่ายพรรคอื่นไม่ได้ ย้ำว่าการทำงานของภาคฝ่ายค้านและรัฐบาลอาจตรงข้ามกัน ในแง่ที่ว่าใครที่อยู่ในพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะไม่ได้อยู่ในพรรคผู้ร่วมรัฐบาล ฉะนั้นการควบคุมเสียงโหวตในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคแต่ละพรรค 

เมื่อถามต่อว่าได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ ว่า ทิศทางการโหวตของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้คุยกันในเรื่องของเนื้อหากรอบญัตติ และกรอบระยะเวลา และทิศทางของการอภิปราย โดยเป็นการคุยกันในภาพกว้าง ไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียด แต่ฝ่ายค้านต้องรู้กันอยู่แล้วว่า ในเรื่องของการโหวต ยังไงก็ต้องโหวตไม่ไว้วางใจนายกฯ แต่ตนไม่สามารถไปกำกับเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นได้ ฉะนั้นจึงไม่สามารถตอบชี้แจงได้ 

เมื่อถามอีกว่ากังวลหรือไม่ว่ารัฐบาลจะเอาคืน เนื่องจากขณะนี้ได้มีการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลพอดี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอดูว่าจะเอาคืนในรูปแบบใด แต่เราก็ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ส่วนปฏิบัติการโรยเกลือ ที่จะมีการไปยื่นต่อ จะมีการยื่นในเรื่องใดบ้างนั้น คือเรื่องการหนีภาษี ซึ่งเรื่องนี้นายกฯ ได้ออกมาชี้แจงแล้ว หลังจากที่เราได้เปิดประเด็นในการอภิปรายในสภา แต่ตนคิดว่าการชี้แจงของนายกฯ ชี้ชัดให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรจ่ายภาษีตั้งแต่แรก เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล จึงยังไม่ยอมจ่าย แม้อธิบดีกรมสรรพากรจะสามารถกล่าวว่าทำได้ ซึ่งอาจเป็นช่องว่างทางกฎหมาย โดยเราจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น 

นายณัฐพงษ์ กล่าวค่อว่า อีกมุมหนึ่งตนมองว่าคนที่เป็นนักการเมืองในฐานะที่เป็นนายกฯ ไม่สมควรใช้ช่องว่างทางกฎหมาย หลบเลี่ยงภาษีตนเองที่ต้องจ่าย ส่วนอีกเรื่องคือ โรงแรมที่เขาใหญ่ ซึ่งเมื่อวานนี้ก่อนการปิดอภิปราย ตนได้มีการตั้งคำถามในส่วนของใบอนุญาต ซึ่งจะมีการโต้เถียงกันในโฉนดที่ดิน และใบอนุญาตของการประกอบโรงแรม โดยเรื่องนี้ต้องมีการติดตามกันต่อแน่นอน

เมื่อถามต่อว่าในการอภิปรายมีการพาดพิงไปถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กรณี รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ในการอภิปรายแสดงให้เห็นชัดว่านายกฯ อยู่ในฐานะที่เป็นพยานรู้เหตุตั้งแต่แรก และรู้สถานะของนายทักษิณมาตั้งแต่แรก อีกทั้งประเด็นที่สังคมตั้งข้อกังขา กรณี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้มีการเปิดเผยก่อนการประชุม ที่ระบุว่าการพักโทษนายทักษิณ ที่ได้ 9 คะแนน จากคนปกติ 20 คะแนน ออกมากางให้ดู จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่าอยากจะรู้สถานะของนายทักษิณ ย้ำว่า นายกฯ เป็นเพียงคนเดียวที่จะตอบได้ ว่า นายทักษิณป่วยเป็นโรคอะไร จึงทำให้การประเมินต่ำขนาดนั้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏว่ามีภาพให้เห็นว่านายทักษิณ ออกมาสู่สาธารณะได้ ยิ่งอยากรู้ว่าพ่อนายกฯ ป่วยเป็นอะไรกันแน่ จึงได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่น 

เมื่อถามอีกว่า การอภิปรายในครั้งนี้ หากนายทักษิณ ได้มีการตอบโต้กลับ จะมีความกังวลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีความกังวลอะไร รอดูการตอบโต้ดีกว่า ว่าจะตอบโต้อย่างไร ส่วนกรณีที่มีการพูดถึงดีลแลกปีศาจ ตรงนี้หมายถึง กลุ่มคนชั้นนำในสังคม ที่เอารัดเอาเปรียบคนในสังคม ใช้อำนาจของตนเองอิงแอบกลุ่มทุนและพวกพ้องของตนเอง และไม่ได้สนใจประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ 

เมื่อถามอีกว่าการอภิปรายในวันนี้ พรรคประชาชนจะนำไปเปรียบเทียบกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีข้อมูลลับออกมา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีเนื้อหาหลายอย่างที่ตนคิดว่าเป็นเนื้อหาใหม่ เช่น ปฏิบัติการไอโอ จนเกิดการทักท้วงและไม่สามารถเสนอข้อมูลได้อย่างรอบด้าน โดยครั้งนี้เป็นข้อมูลใหม่ที่ทางกองทัพเองมองเห็นนักการเมืองทุกกลุ่มเป็นภัยความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาชนที่โดนข้อกล่าวหานี้มาตลอด และยืนยันตลอดว่าเราไม่ชอบ แม้แต่ฝั่งรัฐบาลเองก็จัดอยู่ในกลุ่มภัยความมั่นคงของกองทัพเช่นเดียวกัน และทั้งหมดนี้ คือข้อมูลใหม่ที่ในอดีตไม่เคยเปิดเผย และเราอยากเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปกองทัพ แต่ยังไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้