เมื่อวันที่ 25 มี.ค. เวลา 19.40 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี จากเรื่องการปฏิรูปกองทัพ ว่า นโยบายของรัฐบาลของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในเรื่องปฏิรูปกองทัพ ซึ่งมาจากนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ใช้ในการหาเสียงในการเลือกตั้ง แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาล ถูกปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เคยหาเสียงว่าจะยกเลิกการเกณฑ์ มาเป็นการเปลี่ยนผ่านการเกณฑ์ทหารไปสู่การสมัครใจเป็นทหาร ซึ่งเป็นคนละเรื่องจากเดิม มีความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนสำเร็จ นี่คือหางโผล่ตั้งแต่จรดปากกาเขียนนโยบายรัฐบาลหลอกต้มประชาชน โดยพวกท่านไม่ต้องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เป็นการนำความหวังของประชาชนที่ไม่อยากให้เอาลูกหลานเกณฑ์ทหาร เอาไปแลกกับผลประโยชน์ ซึ่งทำให้ประชาชนเจ็บปวด และใครก็รู้ว่าดีลลังกาวีจบไปตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง และพรรคเพื่อไทยรู้อยู่แล้วว่าต่อให้ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว ก็ไม่ปฏิรูปกองทัพอยู่ดี แล้วเขียนเรื่องนี้ในนโยบายรัฐบาลทำไม หรือนายกฯคิดว่าภาษีที่ตัวเองจ่ายมากกกว่าประชาชน แสดงว่าประชาชนจะฉลาดน้อยกว่าท่าน นายกฯจึงกล้าเขียนนโยบายหลอกต้มประชาชน
นายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นโยบายเรื่องลดขนาดกองทัพที่ต้องมีการพิจารณาถึงโครงสร้างและภารกิจงานต่างๆว่าสอดคล้องกับภัยด้านความมั่นคงในปัจจุบันหรือไม่ ซ้ำซ้อนหรืออุ้ยอ้าย แต่เราไม่เคยเห็นความพยายามทำเรื่องตรงนี้จากรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ยังมีจำนวนนายพลล้นกองทัพ โดยนายกฯแถลงนโยบายรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2567 ว่าจะลดขนาดกองทัพ แต่หลังจากวันแถลงไปแล้ว 8 วัน นายกฯนำเสนอรายชื่อขึ้นทูลเกล้า เพื่อเลื่อนยศนายพล 588 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีนายพลใหม่ 320 คน และเมื่อรวมการเลื่อนยศนายพลทั้งหมดในปี 2567 แล้ว พบว่าในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เลื่อนยศนายพล 990 คน ซึ่งมีนายพลใหม่ 610 คน เป็นสถิติสูงสุด มากกว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นอกจากนี้ โผการแต่งตั้งนายทหารกลางปีที่จะมีผลตั้งแต่เดือนเม.ย.2568 มีการนำเสนอเลื่อนยศทหารชั้นนายพล จำนวน 241 ราย ได้ทำลายสถิติโดยเป็นจำนวนสูงสุดมากกว่าสมัยรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ด้วย
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ถ้านับเวลา 18 เดือนที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พบว่าเลื่อนยศนายพลแล้วจำนวน 1,231 คน โดยเป็นนายพลใหม่ 751 คน และในการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารอีก 306 คนนั้น มี 209 คน ซึ่งคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นการแต่งตั้งตำแหน่งลอย ไม่มีงานทำ อยู่บ้านรอรับเงินเดือนไปจนเกษียณ อาทิ ตำแหน่งผู้ชำนาญการพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ จึงขอให้นายกฯตอบว่าเลื่อนยศให้คนพวกนี้ไปอยู่บ้านเฉยๆได้อย่างไร ทั้งนี้ ทหารยศนายพลเทียบเท่ากับข้าราชการระดับอธิบดี มีเงินเดือน 70,000-80,000 บาท ขณะเดียวกันยังไม่มีตัวเลขชัดเจนว่าทหารชั้นนายพลในประเทศเรามีทั้งหมดจำนวนเท่าไหร่ และเมื่อเลื่อนยศ รัฐบาลก็ต้องเสียเงินไปเพิ่มเงินเดือนให้คนที่ว่างงานอยู่บ้าน หรือคนที่อยู่บ้านเลี้ยงหลาน นายกฯทำเพื่อชดเชยปมในใจของบางคนหรือไม่ ที่เขาบอกว่าเป็นคุณตาอยากกลับไปเลี้ยงหลาน แต่แล้วก็ไม่ยอมกลับ ปล่อยให้หลานรอเก้อ ตนไม่เข้าใจว่าคนที่ไม่ทำงานอะไรเลย จะไปทำเตะตานายกรัฐมนตรี จึงอยากให้นายกฯชี้แจงว่าทำไมไปทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลประโคมข่าวใหญ่โตว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 11 ก.พ.2568 อนุมัติหลักการเออร์ลี่รีไทร์โดยให้โบนัส 7-10 เท่า และจะลดนายพลลงได้ 732 คนภายใน 3 ปี ช่วยให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปได้ 4,479 ล้านบาท ตนขอถามว่ารัฐบาลมั่นใจได้อย่างไรว่าจะลดจำนวนนายพลได้ 732 คนภายใน 3 ปี เฉลี่ยปี 244 คน เพราะครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2567 สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ได้เคยอนุมัติหลักการเออร์ลี่รีไทร์แบบเดียวกันนี้ ซึ่งปรากฏว่าทั้งปี 2567 มีนายพลเข้าร่วมโครงการนี้ 4 คน แต่รัฐบาลของ น.ส.แพทองธารก็ยังทำแบบเดียวกัน ครม.ก็หลับหูหลับตาไป ทำไปส่งๆ แค่ให้ได้ประโคมข่าวว่ากำลังจะลดจำนวนนายพล แต่ท่านไม่ต้องการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งเรื่องนี้และเรื่องการเปลี่ยนผ่านการเกณฑ์ทหารเป็นการปาหี่และหลอกต้มประชาชน โดยทั้งหมดมาจากดีลแลกประเทศ เอาใจกองทัพทุกอย่าง
นายจิรัฏฐ์ ยังอภิปรายถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางจากพายุ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2565 ทำให้มีกำลังพลเสียชีวิต 29 ราย ความเสียหายร้ายแรงขนาดนี้ไม่มีใครต้องรับผิดชอบเลย ก่อนหน้านี้มติครม.ได้เร่งให้มีการสอบสวนสาเหตุเรืออับปาง อดีตรัฐมนตรีของท่านเคยรับปากในสภาแห่งนี้ว่าจะให้มีการสอบสวนใหม่ และให้เปิดเผยผลสอบแก่สาธารณะ แต่พอเปลี่ยนนายกฯเป็นน.ส.แพทองธาร ผลสอบสวนเรือหลวงสุโขทัยกลายเป็นเอกสารลับสุดยอดทันที แทนที่ทหารเรือทั้ง 29 ราย จะได้รับความยุติธรรมกลับต้องมาตายฟรี เพราะดีลแลกประเทศของท่านใช่หรือไม่ ที่ทำให้ท่านไม่กล้าแตะต้องกองทัพเลย ท่านไม่ได้เห็นแก่คนตาย ท่านเห็นแต่คนเป็น ช่วยแต่คนเป็น
นายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า เรื่องเรือดำน้ำคาราคาซังมานาน วันนี้ก็ยังไม่มีการหารือกับทางจีน เรื่องการขยายสัญญาให้กับจีนกับการขอเปลี่ยนเครื่องยนต์ ผ่านการให้ความเห็นของกฤษฎีกาแล้วรอเข้าครม. ถามว่านายกฯรออะไร ทำไมไม่บอกให้รัฐมนตรีนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม. เพื่อจะได้ตัดสินใจ เพราะท่านก็รู้ว่าเสียดอกเบี้ยวัน 1.2 ล้านบาท หากท่านยังนิ่งเฉยลอยตัวแบบนี้ เท่ากับว่านายกฯเลือกข้างกองทัพมากกว่าประชาชน ท่านพร้อมจะปกปิดความผิดโครงการที่เป็นปัญหา สร้างความเสียหายให้ประเทศได้ดำเนินการสร้างความเสียหายต่อไป เอาประโยชน์ตนเองเป็นที่ตั้งเพื่อแลกกับการรักษาข้อตกลงดีลแลกประเทศ ที่ท่านได้ทำไว้กับกลุ่มอำนาจเดิม
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยคว่ำกฎหมายทุกฉบับที่มีเนื้อหาแตะต้องกองทัพ โดยฉบับที่สำคัญที่สุดคือร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เพื่อป้องกันการรัฐประหาร คนเจน Y ถูกกองทัพยึดอำนาจมาแล้ว 3 ครั้ง คนเจน Y ที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร เป็นคนเดียวที่ถูกกองทัพย่ำยีมากที่สุด ครึ่งชีวิตของท่านต้องตกระกำลำบากจากการยึดอำนาจทำรัฐประหาร ไม่มีใครจะเจ็บปวดจากการถูกกองทัพทำรัฐประหารได้เท่ากับท่านอีกแล้ว แต่ท่านกลับเป็นคนเจน Y ที่น่าผิดหวังมากที่สุด เพราะในวันที่ท่านได้กลับมามีอำ นาจอีกครั้ง ทายาทแท้ๆของตระกูลที่ถูกกองทัพย่ำยีมาตลอด 2 ทศวรรษ มีโอกาสได้เป็นนายกฯ แต่กลับไม่มีเจตจำนงปฏิรูปกองทัพในหัวใจเลยสักนิดเดียว
“ผมไม่เชื่อว่าท่านจะไม่เคียดแค้น ไม่อยากหยุดยั้งการรัฐประหาร แต่เป็นเพราะท่านคิดถึงผลประโยชน์ตนเอง และครอบครัวมากกว่า ทำให้ท่านทิ้งโอกาส และอนาคตของประเทศในการป้องกันรัฐประหาร นายกฯคนนี้ได้ทำดีลบนความทุกข์ร้อนของชาติบ้านเมือง ยอมแลกโอกาสที่จะได้ปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้ได้ครอบครองอำนาจเพียงแค่ชั่วคราว เมื่อพิจารณาแล้วความเสียหายที่เกิดขึ้น เกินกว่าที่จะให้ท่านดำรงตำแหน่งนายกฯต่อไปได้” นายจิรัฏฐ์ กล่าว