กรณี ด.ต.กิตติศักดิ์ อายุ 37 ปี สังกัด ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ช่วยราชการสืบ ตม.3 มีอาการมึนเมา ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ร.ต.ต.พาสกร พาชูระเบียบนา หัวหน้าตู้ยามเตาถ่าน ด้วยการชกต่อย และถูกจับศีรษะโขกพื้น จนมีอาการเลือดคั่งในสมอง และฟันหน้าบนหักหนึ่งซี่ ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ โดยด่วน ขณะเข้าระงับเหตุก่อความวุ่นวายภายในบ้าน นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุยังชิงเอาอาวุธปืนพกสั้นประจำกาย GLOCK 19 หลบหนีไปด้วย เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 105/51 ชุมชนวัดเขาคันธมาทน์ หมู่ 9 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ก่อนนำปืนมามอบตัวที่โรงพัก เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 3 วันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
สุดเถื่อน! ตำรวจตม. เมาทำร้ายตำรวจตู้ยามสัตหีบสาหัส ชิงปืนคู่กายหลบหนี

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที โดยให้คณะกรรมการลงพื้นที่ประสานงานกับตำรวจ สภ.สัตหีบ ซึ่งหากได้ข้อเท็จจริงว่า ทำร้ายร่างกายตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้เสียหาย และชิงทรัพย์อาวุธปืนจริง จะพิจารณาให้ดาบตำรวจนายดังกล่าว ออกจากราชการไว้ก่อนทันที แต่เท่าที่เห็นภาพการทำร้ายร่างกายตำรวจ แค่ภาพนี้ก็สามารถพิจารณาให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้แล้ว

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.สินสมุทร บุญทัศนา สว.(สอบสวน) เจ้าของคดี ได้แจ้ง 4 ข้อหาหนัก กับผู้ก่อเหตุ ในความผิดข้อหา บุกรุกเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข โดยใช้กำลังประทุษร้าย ในเวลากลางคืน ข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ ข้อหา ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และข้อหา ชิงทรัพย์ (อาวุธปืน) เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม เบื้องต้นผู้ก่อเหตุยอมรับทุกข้อกล่าวหา ยกเว้นปฏิเสธข้อหา ชิงทรัพย์