เมื่อเวลา 21.15 น.วันที่ 24 มี.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม.พรรคประชาชน  อภิปรายเรื่องที่ดินของโรงแรม เทมส์ วัลลีย์ ว่า ก่อนหน้านี้มีมีลูกน้องของนักการเมืองท่านหนึ่งออกมาเปิดเผยว่าที่ดินสนามกอล์ฟ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ต แอนด์ คันทรี คลับ (Rancho Charnvee Resort & Country Club) ของครอบครัวนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย อาจรุกล้ำที่ ส.ป.ก. โดยผิดกฎหมาย ถึงขั้นที่นายอนุทินพูดแรงออกสื่อว่ามีใบสั่งทางการเมืองแน่นอน หลังจากนั้นตนได้ค้นข้อมูลพบโรงแรมใกล้สนามกอล์ฟดังกล่าวชื่อว่า เทมส์ วัลลีย์ (THAMES VALLEY) ที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและครอบครัวเป็นเจ้าของตามที่ได้ชี้แจงในบัญชีทรัพย์สินว่านายกฯถือหุ้นใหญ่เกือบ 20 ล้านหุ้น บริหารมา10กว่าปีก่อนที่จะลาออกจากเพื่อมาเป็นนายกฯ  ตนมองว่าที่ดินดังกล่าวกลิ่นไม่ปกติ จึงได้ตรวจสอบพบว่า โฉนดที่ดินของโรงแรมดังกล่าวแบ่งออกเป็น 4 แปลง แต่ตรวจสอบย้อนหลังพบว่าพื้นที่ตรงนี้เดิมเป็นของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ที่ทางรัฐบาลในสมัยนั้นจัดสรรในประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนลำตะคองมาอาศัยอยู่ ไม่เกิน 50 ไร่

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า โรงแรมของนายกฯมีประเด็นนี้ก็คล้ายๆ กับแรนโช ชาญวีร์ คือตอนแรกยังไม่ได้เป็นโฉนด แต่มีการเอาที่ดินตรงนั้นไปออก นส.3ก ก่อน เพราะมันแค่รังวัดด้วยการเดินชี้ไม่ต้องรังวัดโดยละเอียด คงไม่มีใครไปตรวจสอบว่ามันไปทับกับพื้นที่หวงห้ามอะไรบ้างหรือไม่ และจากหลักฐานพบว่า ปี 2537 บุคคลในครอบครัวของนายกฯได้ไปซื้อที่ดินแปลงนี้มา โดยในขณะนั้นเป็น นส.3 ก.เลขที่ 2583 เนื้อที่ 33 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา แต่ที่โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ สุดยอดกว่าแรนโช ชาญวีร์คือ หลังจากครอบครัวของท่านนายกฯไปซื้อ นส.3 ก. มาได้เพียง 2 ปี ในปี 2539 ก็เอาที่ดินในนิคมสร้างตนเองแปลงนี้ ไปออกเป็นโฉนด ได้เป็นโฉนดเลขที่ 22054  แล้วต่อมา ปี 2555 ก็เอาโฉนดแปลงนี้ ไปแบ่งเป็น 4 แปลง

“การที่จะทำอย่างเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ได้มันไม่ง่าย ถ้าไม่มีอำนาจรัฐ อำนาจทางการเมือง หรืออำนาจอื่นใดมาเกี่ยวข้อง ช่างบังเอิญที่ในช่วงที่มีการออกโฉนดตรงโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ครั้งแรกนั้น รองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง นามสกุลชินวัตรเอาโฉนดที่มีไปแบ่งเป็น 4 โฉนดในปี 2555 ก็เป็นเวลาที่ประเทศของเรามีนายกรัฐมนตรีที่นามสกุลชินวัตร เหมือนกับนายกฯแพทองธารพอดี ท่านนายกฯแพทองธาร ทำธุรกิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไปเอาพื้นที่ต้นน้ำลำธารในป่าเขาใหญ่ ในนิคมสร้างตนเอง มีการออกโฉนดเป็นของครอบครัวตนเอง แล้วยังเอาไปทำธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกแล้วท่านนายกฯจะรอดไปได้อย่างไร ผมได้นำข้อมูลความผิดของแพทองธาร ตระกูลชินวัตร มาอภิปรายในสภาแห่งนี้ ว่าเธอนั้นไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัวอยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างไร”นายธรัจชัยกล่าว

นายธีรัจชัย กล่าวอีกว่า นายนายอนุทิน เป็นรมว.มหาดไทย มีอำนาจเหนือกรมที่ดิน แต่ที่ดินบางแปลงของสนามกอล์ฟ แรนโช ชาญวีร์ ยังเป็น นส.3ก อยู่ ครอบครัวนายอนุทินยังไม่ได้นำไปรังวัดปักหมุดออกโฉนดเลย เพราะมันอาจจะเสี่ยง เวลาไปออก นส.3ก ถึงจะมีภาพถ่ายทางอากาศ แต่ก็ไม่มีการปักหมุดหรือหลักเขตและไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเหมือนกับโฉนด

ด้านนายอนุทิน  กล่าวว่า สมัยที่ครอบครัวตนไปซื้อที่ดินแปลงเหล่านี้ ตนได้มีโอกาสไปเดินดูกับเขาด้วยคนที่พาเดินและแนะนำส่วนใหญ่เป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านและเป็นนายกอบต. การที่เราตัดสินใจซื้อที่ดิน เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนสิ่งที่เรายึดถือมีอยู่อย่างเดียว เราเป็นคนนอกและตอนนั้นไม่ได้มีตำแหน่งเป็นนักลงทุนธรรมดา ครอบครัวมีทุนบ้างก็อยากจะไปดูว่าจะลงทุนอย่างไร และเห็นว่าที่ดินน่าลงทุน เจ้าของมีโฉนด ตอนนั้นราคาเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่สำคัญเวลาเราเปลี่ยนมือของการครอบครองที่ดินไม่ได้เป็นสัญญาระหว่างเราสองคนแต่ต้องมีคนกลาง คือกรมที่ดิน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดถือเป็นกระบวนการที่กระทำโดยเจตนาสุจริตทั้งสิ้น ตนได้สอบถามผู้ใหญ่หลายท่านที่รู้เรื่องของโครงการ ว่าการได้มาคล้ายคลึงกันที่ดินที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นโครงการใหญ่เช่นนี้ ดังนั้นตนคิดว่าการที่มาบอกว่าเจ้าของปัจจุบันถือครอบครองโฉนดแล้วเป็นผู้ที่กระทำผิดกฏหมาย  ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริงเราได้มาด้วยความสุจริตและซื้อมาโดยมีโฉนด มีตราครุฑ มีสำนักงานที่ดินเป็นผู้ประทับรับโอน เมื่อมีการไปตรวจสอบโดยนักการเมืองท่านหนึ่ง ท่านยังไม่กล้าเข้าไปสถานที่ที่ดินแปลงนั้น เพราะท่านรู้ว่ามันยังเป็นโฉนดอยู่ แต่ท่านก็บอกว่าเดี๋ยวจะไปตรวจว่ามันเป็นนส.3 ก.หรือไม่ อย่างที่ท่านบอกว่าถ้ามันผิดตรวจสอบแล้ว มันผิด ออกไม่ถูกต้อง ถ้าเขาจำเป็นต้องเพิกถอน ก็ต้องเพิกถอนเราทำตามกฏหมายอยู่แล้วยินดีที่จะปฏิบัติตามกฏหมาย ถ้าตรวจสอบมาแล้วเจ้าของได้มาโดยสุจริตมเขาก็มีสิทธิ์ที่จะไปเรียกร้องค่าเสียหาย เช่นเดียวกับกรณีที่เขาใหญ่ ที่ท่านบอกว่าเป็นมท.1 คนที่จะตรวจสอบได้ต้องใหญ่กว่าตนคิดว่าเป็นใครก็แล้วแต่เป็นนายกฯที่ใหญ่ที่สุดก็โดนตรวจสอบ ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบ ถ้าตรวจสอบแล้วมันถูกต้องก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขา แต่ถ้าตรวจสอบแล้วมันไม่ถูกก็ต้องมีการเพิกถอน เป็นเรื่องปกติ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ที่ท่านพูดมาเรายินดีให้ตรวจสอบและยินดีที่จะน้อมรับการตรวจสอบที่ถูกต้องตามกฏหมาย ถ้ามันเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ อย่าเพิ่งไปกล่าวหาว่าตรงนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะการที่ได้มามันได้มาโดยวิธีการสุจริตเสียค่าทำเนียม เสียค่าใช้จ่ายทุกอย่างตามกฏหมาย ทุกประการขอชี้แจงให้ท่านผู้อภิปรายผ่านไปยังประชาชนรับทราบด้วย.