เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 24 มี.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณา เรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดย นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ขออภิปรายการทุจริตเชิงนโยบาย เป็นซูเปอร์ดีลระดับแสนล้านบาท 2 เรื่องจากยุคอำนาจเก่า แต่มาเอื้อประโยชน์โดยรัฐบาลแพทองธารคือ 1.การแก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มีลักษณะให้นายทุนคว้าสัมปทานให้ได้ก่อนแล้วหาประโยชน์เพิ่มโดยการแก้ไขสัญญาในภายหลัง เป็นความร่วมมือระหว่างทุนใหญ่กับนายใหญ่ที่หาประโยชน์ผลประโยชน์เพิ่มจากการแก้สัญญา โครงการนี้เซ็นสัญญาไปแล้ว 5 ปีตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.2562 แต่ยังไม่เริ่มโครงการ ทราบว่านายทุนใหญ่ยังไม่อยากเริ่มงาน ขอเลื่อนไปเรื่อยๆ เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน อยากแก้สัญญาก่อนค่อยเริ่มงาน แม้ที่ผ่านมานายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคมบอกจะไม่มีการแก้สัญญาให้ แต่สุดท้ายก็มีการแก้สัญญา ใครสั่งให้กลับลำ นายใหญ่ ทุนใหญ่หรือนายน้อยสั่งการเอง จนทำให้นายสุริยะเป็นโมฆะบุรุษ

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า สัญญาที่แก้ไขจากเดิมรัฐจะแบ่งจ่ายเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง รัฐจะจ่ายเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานที่การรถไฟฯ ตรวจรับ แต่กลับมีการแก้ไขให้รัฐจ่ายให้ใน 5 ปีแรก ทำให้รัฐต้องหาเงินจำนวนมากในระยะเวลา นี่เป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่รัฐหาเงินมาประเคนเอกชน ส่วนประชาชนทั่วไปและข้าราชการซวยเพราะเป็นการเบียดบังพื้นที่งบงบประมาณในอีกหลายปี กล่าวโดยสรุปคือเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย นายทุนใหญ่พยายามคว้าสัมปทาน หากไปต่อได้ก็กำไร หากไปไม่ไหวก็มาต่อรองขอแก้สัญญา ทราบมาว่านายกฯ จะแก้สัญญาแน่ๆ เพื่อเพื่อนพ่อ นายกฯ รู้หรือไม่ ร่วมหากินกับเขาด้วยไหมเนี่ย

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า และ 2.การขยายสัมปทานทางด่วน ขั้นที่ 2 ที่กำลังจะสิ้นสุดสัญญาในปี 2578 ซึ่งเป็นเส้นที่สร้างรายได้หลัก เส้นนี้ทำกำไรงามมาก  จึงต้องหาเหตุขยายสัมปทานโดยทุนใหญ่กับนักการเมืองร่วมกัน ขณะนี้มีความพยายามจะขยายสัมปทานอีกครั้ง โดยการพยายามจะทำทางด่วนซ้อนทางด่วน หรือทางพิเศษชั้นที่สองหรือ Double deck ระยะทาง 17 กิโลเมตรจากงามวงศ์วานถึงพระราม 9 งบประมาณ 34,800 ล้านบาท ที่สำคัญทางขึ้นและทางลงขึ้นจากทางด่วนเดิม ซึ่งโครงสร้างนี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ถือเป็นการผลาญงบประมาณโดยไม่จำเป็น สร้างโดยไม่ช่วยแก้ปัญหา โอกาสคุ้มค่ามีน้อย โอกาสคุ้มทุนไม่มีเลย แม้จะขาดทุนแต่ก็ยังหาสร้างกัน แต่แท้จริงแล้วอยากกอดรายได้ก้อนเดิมจากทางด่วนขั้นที่ 2 ถือเป็นดีลที่ช่วยให้มีกินมีใช้ไปพร้อมกันทั้งนายทุนและนายใหญ่

“ตระกูนชินวัตรกล้าหาเหตุมาขยายสัมปทาน จากเดิมที่จะหมดอายุในปี 2578 จะขอขยายไปอีก 22 ปี 5 เดือน หมดสัมปทานในปี 2601 เรียกว่าข้ามศตวรรษกันไปลย เรียกว่าดีลซ่อนไพ่ ต้องเข้าใจว่าการลดค่าทางด่วนให้เหลือ 50 บาทต่อสาย ไม่ใช่ว่าเอกชนใจดียอมลดราคาให้ เอกชนได้เงินเท่าเดิมในรูปแบบที่เปลี่ยนไป พร้อมกับกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสัมปทาน นายทุน นายใหญ่สั่งแก้สัญญาผ่ายนายน้อยแน่ๆ ขอให้นายกฯ ลุกขึ้นมาชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตนเอง เพราะซูเปอร์ดีลทั้งสองเรื่อง ต้องใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีที่มีนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ท่านจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้“ นายสุรเชษฐ์ กล่าว.