สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่าสื่อท้องถิ่นหลายแห่งของแคนาดารายงานว่า ผู้ประกอบการทัวร์ของสหรัฐในแคนาดา มียอดจองลดลงราว 85% ขณะที่ผู้ประกอบการโรงกลั่นสุราสูญเสียข้อตกลงสำคัญ อย่างไรก็ดี ร้านจำหน่ายของชำของแคนาดาพบยอดขายผลิตภัณฑ์ในประเทศ เพิ่มขึ้นถึง 10%


ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายการค้าที่ผันผวนของสหรัฐ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ชาวแคนาดายกเลิกการเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทางใต้ นอกจากนี้ วาทะเกี่ยวกับการทำให้แคนาดากลายเป็น “รัฐที่ 51” ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าอย่างมาก


ด้านสมาคมการท่องเที่ยวของสหรัฐ เคยออกแถลงการณ์ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เตือนว่า นโยบายภาษีใหม่ของรัฐบาลวอชิงตัน อาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการใช้จ่ายของชาวแคนาดา ซึ่งเป็นแหล่งนักเดินทางต่างชาติที่สำคัญ โดยจำนวนนักเดินทางชาวแคนาดาที่ลดลง 10% อาจทำให้ปริมาณการเดินทางลดลง 2 ล้านครั้ง ตัวเลขการใช้จ่ายลดลง 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 70,700 ล้านบาท) และอาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงาน 14,000 อัตรา


นอกจากนั้น กระแสเลือกซื้อสินค้าของแคนาดาในตอนนี้ยังส่งผลต่อผู้ค้าปลีกด้วย โดยผู้ค้าปลีกอาหารของแคนาดารายงานยอดขายผลิตภัณฑ์แคนาดาเพิ่มขึ้น และยอดซื้อสินค้าของสหรัฐลดลง เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนยอดขายรวมในช่วงสัปดาห์ก่อน


ปัจจุบัน แคนาดาเป็นตลาดสำคัญสำหรับสุรา ไวน์ และเบียร์ของสหรัฐ บาร์เทนเดอร์และพนักงานขายปลีกในอุตสาหกรรมของสหรัฐจะเผชิญการเลิกจ้างอย่างมีนัยสำคัญ หากความตึงเครียดด้านการค้ากับแคนาดายังคงดำเนินต่อไป


ขณะที่นายปิแอร์ คลีรักซ์ รองประธานฝ่ายวิจัยและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาธุรกิจแห่งแคนาดา กล่าวว่า หากแต่ละครัวเรือนของแคนาดาเลือกใช้จ่ายเงิน 25 ดอลลาร์แคนาดา (ราว 586 บาท) ต่อสัปดาห์ ไปกับผลิตภัณฑ์ของแคนาดาเองแทนที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ต่างชาติ จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของแคนาดาได้อีก 0.7% และสร้างงาน 60,000 อัตรา.

ข้อมูล : XINHUA

เครดิตภาพ : AFP