วานนี้ (21 มี.ค. 2568) สำนักข่าวเดอะ มิร์เรอร์ รายงานกรณีการเรียกร้องให้ทางการดูแลรูปปั้นหญิงสาวชื่อดัง “มอลลี มาโลน” ประจำกรุงดับลินซึ่งมีนักท่องเที่ยวนิยมลูบหน้าอกของรูปปั้นเพราะเชื่อว่าจะทำให้โชคดี
ทิลลี คริปเวลล์ ผู้ออกมารณรงค์ให้ดูแลรูปปั้นดังกล่าววิจารณ์พฤติกรรมที่ “น่ารังเกียจ” ของสาธารณชนที่ “ลวนลาม” รูปปั้นสำริดอันโด่งดังเป็นประจำ จนกระทั่งส่วนหน้าอกของมีสีซีดจาง
@newstalkfm ‘Why is one of the few female representations reduced to this?’???????? Busker Tilly Cripwell is calling for changes at the Molly Malone statue to stop people ‘groping her breasts’.
♬ original sound – Newstalk – Newstalk
นักศึกษาสาววัย 23 ปีผู้นี้มักมาเล่นดนตรีเปิดหมวกข้างรูปปั้นซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1988 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองสหัสวรรษแรกของกรุงดับลิน แต่เธอบอกว่าได้เห็นผู้คนจำนวนมากลูบคลำรูปปั้นนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตามความเชื่อจากตำนานที่เล่าขานกันว่า หากใช้มือสัมผัสหน้าอกของรูปปั้นแล้วจะนำโชคมาให้
คริปเวลล์ไม่เพียงเรียกร้องให้สภาเทศบาลเมืองดับลิน (DCC) ซ่อมแซมรูปปั้นเท่านั้น แต่ยังขอให้ยกรูปปั้นให้สูงขึ้นเหนือพื้น จะได้พ้นมือของนักท่องเที่ยว เธอจะให้สัมภาษณ์ในรายการกูดมอร์นิง อัลสเตอร์ของสถานีบีบีซีว่า การ “ละเมิด” รูปปั้นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น “ผิด” และจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อจัดการปัญหานี้

“มันทำให้ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันต้องหยุดการกระทำนี้” เธอกล่าว
ทิลลีกล่าวต่อว่า “การที่หญิงผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองกลายเป็นตำนานอมตะในรูปของรูปปั้น แต่กลับเหลือความสำคัญเพียงหน้าอกของเธอนั้น ดูไม่ถูกต้องเลย เธอเคยถูกละเมิดมาแล้ว และเห็นได้จากรอยสีทองบนหน้าอกของเธอ ดังนั้น รูปปั้นดั้งเดิมจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
เธอเสริมว่าการกระทำดังกล่าว “เป็นตัวอย่างที่แย่มากสำหรับคนรุ่นใหม่” และอ้างว่าเธอเคยเห็นนักท่องเที่ยวสัมผัสหน้าอกของรูปปั้นมากถึง 60 ครั้งใน 1 ชั่วโมง
มอลลี่ มาโลน คือหญิงชาวไอริชในตำนานที่เล่าขานกันว่า เคยเร่ขายหอยตามท้องถนนในดับลิน และเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะป่วยไข้
ไม่มีใครรู้ว่า มาโลนมีตัวตนจริงหรือไม่ กระนั้นเธอก็ได้กลายมาเป็นตัวแทนของชุมชนชนชั้นแรงงานในเมืองนี้ นอกจากนี้ ชื่อของเธอยังปรากฏในเพลงพื้นบ้านชื่อว่า “Cockles and Mussels” อีกด้วย
ด้านโฆษกของ DDC ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวจากบีบีซีว่า คำขอให้บูรณะซ่อมแซมและเสริมฐานด้านล่างของรูปปั้นกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และพวกเขากำลังรอใบเสนอราคา นอกจากนี้ พวกเขายังกล่าวอีกว่า “จะมีการรายงานฉบับสมบูรณ์ต่อคณะกรรมการนโยบายเชิงกลยุทธ์ของสภาในเดือนเมษายนนี้”
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วยกับคริปเวลล์ ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางคนคิดว่าเธอแสดงปฏิกิริยาเกินเหตุ “ลองนึกภาพชีวิตที่น่าเบื่อและว่างเปล่าจนคุณเริ่มรณรงค์ให้ย้ายรูปปั้นเพราะคุณคิดว่ารูปปั้นถูกสัมผัสอย่างไม่เหมาะสม นี่มันไม่ใช่คนจริงๆ” ผู้ใช้รายหนึ่งกล่าวบนเอ็กซ์
ผู้ใช้อีกรายเสริมว่า “โปรดหุบปากซะ! รูปปั้นไม่ใช่คนจริง!” ผู้ใช้รายที่ 3 ถามว่า “เธอเพิ่งบอกว่า เธอไม่อยากให้มีคนสัมผัสรูปปั้นอย่าง “ไม่เหมาะสม” ใช่ไหม […] ต่อไปพวกเขาคงจะบอกว่า เธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ!”
ถึงอย่างนั้น ชาวโซเชียลมีเดียจำนวนมากก็สนับสนุนการรณรงค์ของคริปเวลล์และกล่าวหาว่า พฤติกรรมลูบคลำหน้าอกของรูปปั้นเป็นการ “เหยียดเพศหญิง” ผู้ใช้รายหนึ่งเขียนว่า “รูปปั้นมอลลี มาโลนในดับลิน ส่งเสริมพฤติกรรมเหยียดเพศหญิงในหมู่เด็กผู้ชาย ผู้ชายโตๆ และผู้คนโดยทั่วไป ไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องการสังคมที่เท่าเทียมกัน”
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียอีกรายแสดงความเห็นว่า ” ในความคิดของฉัน การสัมผัสหน้าอกผู้หญิงเป็นสิ่งต้องห้าม!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รูปปั้นนี้ตกเป็นข่าว เพราะในปี 2566 รูปปั้นมอลลี มาโลนถูกทำลายถึง 4 ครั้งในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่งมีทั้งการสาดสีใส่รูปปั้นและเขียนข้อความว่า “โชคร้าย 7 ปี” ไว้ที่รูปปั้นด้วย
ที่มา : mirror.co.uk
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES