สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ทรัมป์กล่าวว่า หลังการแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างบริษัทการบินและอวกาศชั้นนำหลายแห่งของอเมริกา กองทัพอากาศจะมอบสัญญาสำหรับโครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ “Next Generation Air Dominance” (เอ็นจีเอดี) ให้กับโบอิ้ง ทั้งนี้ ราคาของสัญญาไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคง
นายพีต เฮกเซธ รมว.กลาโหมสหรัฐ กล่าวเสริมว่า เครื่องบินรุ่นนี้จะส่งสารโดยตรงอย่างชัดเจน ไปถึงพันธมิตรของสหรัฐ ว่า “เราจะไม่ไปไหน” และบอกกับศัตรูของเราว่า “เราจะขยายอำนาจไปทั่วโลกเพื่ออเมริกันชนรุ่นหลัง”
.@POTUS: "The F-47 will be the most advanced, most capable, most lethal aircraft ever built. An experimental version of the plane has secretly been flying for almost 5 years and we're confident that it massively overpowers the capabilities of any other nation." pic.twitter.com/J33fjUogs5
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) March 21, 2025
ด้านโบอิ้งกล่าวในแถลงการณ์ว่า การได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเอ็นจีเอดี คือ การต่อยอดจากตำนานเครื่องบินขับไล่ของโบอิ้ง และสร้างมาตรฐานระดับโลกใหม่ สำหรับขีดความสามารถของเครื่องบินรุ่นที่ 6
นอกจากโครงการพัฒนาเอฟ-47 โบอิ้งยังลงแข่งกับนอร์ทธรอป กรัมแมน คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อีกแห่ง ในอุตสาหกรรมการบินและป้องกันประเทศจากสหรัฐ เพื่อทำสัญญาผลิตเครื่องบินรบรุ่นใหม่ของกองทัพเรือ
เครื่องบินเอฟ-47 จะเข้ามาแทนที่เครื่องบินเอฟ-22 แรปเตอร์ ซึ่งมีเทคโนโลยีล่องหน มีความคล่องตัวสูง และสามารถบินด้วยความเร็วเหนือเสียง โดยไม่ต้องมีสันดาปท้ายเครื่อง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของเครื่องบินเอฟ-47 ยังคงมีน้อยมาก แต่ทรัมป์กล่าวว่า เครื่องบินเจ็ตรุ่นใหม่นี้ จะ “แทบมองไม่เห็น” ด้วยความคล่องตัวและพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ รวมถึงความสามารถในการบินกับโดรนจำนวนมาก ซึ่งเครื่องบินขับไล่รุ่นอื่นยังไม่สามารถทำได้.
เครดิตภาพ : AFP