เมื่อวันที่ 21 มี.ค.รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี เพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” ที่ออกมาเปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก “เกด” เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเธอถูก คนของ “ดิว อริสรา” คุมขังไว้ในโรงแรม 5 ดาว และทำร้ายร่างกายจากความเข้าใจผิด โดยผู้ก่อเหตุเข้าใจผิดว่าเกดมีส่วนร่วมในการโกงเงินจำนวนกว่า 3 ล้านบาท หลังจากการสอบถามและเปิดเผยข้อมูลจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากมาย เหตุการณ์นี้ซับซ้อนและมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่าย ซึ่งต่างเล่าเรื่องราวในมุมของตัวเอง และมีจุดเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน
เกดเล่าเรื่องราวในมุมของตัวเอง เหตุการณ์ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2567 คนรู้จักของตน ชื่อ “เท็ดดี้” มาบอกกับตนเองว่า มีชายชาวจีน ชื่อ นายชาน มีงานมานำเสนอ ว่ามีธนบัตรดอลลาร์ สหรัฐ จำนวน 30,000 ใบ ใบละ 100 USD (มูลค่าราวๆ 99 ล้านบาท) ติดอยู่ยังเอาออกมาไม่ได้ แต่ถ้ามีเงินไทย 3.2 ล้านบาท มาจ่ายแลก ก็จะเอาเงินดอลลาร์ก้อนใหญ่ออกมาได้ หานายทุนชาวไทย ที่มีเงิน 3 ล้านนี้ มาร่วมทำธุรกิจ แล้วจะแบ่งเงินกันคนละครึ่ง คือนายชานเอาไป ครึ่งหนึ่ง และ นายทุนไทยเอาไปครึ่งหนึ่ง
เท็ดดี้ ติดต่อให้เกดทำหน้าที่เป็นนายหน้า ไปหานายทุนที่อยากเอาเงิน 3 ล้าน นี้มาลงทุน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่ได้ จนนายชานบอกว่า ถ้าไม่มีก็ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวทางต้นทางเขาก็จะเอาเงินกลับ สุดท้าย นายชิน ซึ่งเป็นคนรู้จักของเกด และรู้จักกับ “แมน” เอาธุรกิจนี้ไปเสนอกับ แมน ปรากฏว่าแมนสนใจ แต่ไม่มีเงิน แมน “อ้างว่า” ไปขอยืมเงินจากดิวมา 3.2 ล้าน โดยตนเป็นคนทำธุรกรรมนี้เอง ไม่ใช่ดิว แต่ดิวเพียงแค่ให้ยืมเงินมาเท่านั้น
วันที่ 19 กันยายน 2567 แมนและเพื่อนอีกคน ชื่อนายบอส มาพบกับเกด ที่บ้านย่านบางนา ทั้ง 2 คน มีการขนเงินสดหลายล้าน อ้างว่าเป็นของนายทุน มานับให้ดู เมื่อนับเสร็จก็นัดกันไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสาทร ส่วนเท็ดดี้ เป็นคนนัดนายชาน แต่วันแรกที่ได้เจอนายชาน ทางโอ๊ต เป็นบอดี้การ์ดของดิว เป็นคนคุ้มครองเงิน 3 ล้าน มาให้
กระทั่งวันที่ 20 กันยายน 2567 ทุกคนนัดกัน โดย เกด ไปกับ นายชิน ไปเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ เกดและนายแมน ตกลงกันว่าจะเป็นตัวแทนขึ้นไปดูเงินดอลลาร์ 3 ล้านดอลลาร์ ที่นายชานอ้าง ซึ่งอยู่ในกระเป๋าสีเหลืองใบใหญ่ เก็บไว้ที่หลังรถ ขึ้นไปดูของที่หลังรถ ในลานจอดรถ เกดและแมนได้เห็นในกระเป๋ามีเงินจริง โดยเกดบอกว่า ใช้วิธีที่ศึกษามาจากอินเตอร์เน็ต ใช้ไฟแบ็กไลต์ส่องดูธนบัตรทั้งหมด เห็นมีลายน้ำ มั่นใจว่าเป็นของจริง เกดและแมนจึงได้พากันเดินลงมาที่ล็อบบี้โรงแรม เพื่อประชุมเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์

ในการเจรจาแลกเปลี่ยนเงิน มีนายชาน และชายชาวต่างชาติผิวสีที่ถือกระเป๋าเงินดอลลาร์เข้ามา เกดใช้ไฟฉายแบล็คไลท์ตรวจสอบธนบัตรและพบว่าถูกต้อง เกดอ้างว่า เรื่องราวเริ่มไม่ชอบมาพากล จึงพยายามยับยั้งไม่ให้แมนและบอสแลกเปลี่ยนเงิน เนื่องจากเธอไม่มั่นใจในความถูกต้องของธุรกรรมครั้งนี้ แต่ไม่ทันการ เพราะแมนและบอสได้ทำการแลกเปลี่ยนกระเป๋าเงินกับชายชาวจีนไปแล้ว
เมื่อเปิดกระเป๋าดูปรากฏว่าเงินดอลลาร์ในกระเป๋าเป็นธนบัตรปลอม นี่ทำให้ทุกคนในห้องช็อค และเกดเล่าว่า “ดิว อริสรา” นักแสดงหญิงชื่อดังซึ่งเป็นคนสั่งการผ่านทางโทรศัพท์ได้จ้างช่างกุญแจมาเปิดกระเป๋า และพบว่าเงินทั้งหมดเป็นของปลอม จากนั้น ดิวได้กล่าวหาว่าเกด เท็ดดี้ และชินเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกง โดยให้เกดหาวิธีคืนเงิน 3 ล้านบาท และขู่ขังเธอไว้ในโรงแรมเป็นเวลา 5 วัน เพื่อกดดันให้คืนเงิน
ขณะที่ โอ๊ต บอดี้การ์ดของบอสและแมนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการข่มขู่และคุมตัวเกดเป็นเวลา 5 วัน แต่เขาปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าทำเพียงแค่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามปกติ ส่วน 5 วันที่อยู่กันในโรงแรม ไม่มีการกักขัง ไม่มีการหน่วงเหนี่ยว คุณเกดยังกลับบ้านไปเอาของได้อยู่เลย แล้วยังกลับมา มีการรวมตัวกันออกไปกินหม่าล่า มีการกินดื่มสังสรรค์ เมากันเละทุกคืน จะเรียกว่า กักขังได้ไง แล้วมีคลิปหลายคลิป ที่ตอนดื่ม คุณเกดยังเชียร์ให้ตนดื่มให้หมดแก้วๆ บอกให้ตนร้องเพลงให้ฟัง แทบจะเป็นเด็กเอนเตอร์เทนอยู่แล้ว
ขณะที่เท็ดดี้ บอกว่า ระหว่างที่อยู่ในห้องของโรงแรม ที่ต้องหาเงินมาคืนนายทุน เท็ดดี้ได้พยายามติดต่อไปที่ “หมิว” ภรรยาของกัน จอมพลัง เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะเธอเคยรู้จักกับหมิวมาก่อน เท็ดดี้บอกว่าเธอเองก็เป็นเหยื่อในเรื่องนี้ เพราะเธอไม่ได้ตั้งใจให้มีการโกงหรือใช้เงินปลอม แต่ก็ต้องรับผิดชอบเงินที่หายไป
ขณะที่ กัน จอมพลัง บอกว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในเหตุการณ์ แต่ถูกอ้างชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนเงินปลอมและการค้าอาวุธสงคราม กันออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าเขาไม่เคยรู้จักหรือเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้เลย แต่เท็ดดี้พยายามแอบอ้างชื่อของเขาเพื่อหวังจะขอความช่วยเหลือจากหมิว ภรรยาของเขา ซึ่งกันไม่พอใจที่ชื่อของเขาถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

สุดท้าย เกดบอกว่า ไม่ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นความผิดของใคร แต่ยืนยันว่า การที่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นเวลา 5 วัน มันทำให้ตนได้รับผลกระทบทางจิตใจหนักมาก ยืนยันว่าเป็นเพราะการถูกข่มขู่กักขังตลอดเวลา 5 วัน ทำให้ป่วยเป็นซึมเศร้า เรื่องนี้ใครจะมาเยียวยาตน
ขณะที่รายการดำเนินล่วงเลยเกินเวลามานานมาก ก็ยังไม่มีทีท่าจะได้ข้อสรุป ล่าสุด ทาง ดิว อริสรา ก็ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยการแชร์ข้อความ ที่เพจอีซ้อขยี้ข่าว โพสต์ขอโทษเรื่องข้อมูลที่ผิดพลาด เรื่องรถ Audi R8 ว่าไม่เป็นความจริง โดยดิว ยืนยันว่า เรื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะสื่อมวลชน หรือจากเพจไหนก็ตาม ดิวไม่โกรธใครเลย แต่อย่าเอาเรื่องที่ “ไม่จริง” มาซ้ำเติมกัน อะไรที่จริง เราก็ยอมรับ เพราะมันเป็นความผิดของเราจริงๆ แต่เรื่องที่ไม่จริง ขอร้องว่าให้เห็นใจเราด้วย หลังจากวันนี้ ขอร้องว่า อย่าดึงสามี หรือลูก เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย
ขอบคุณรายการโหนกระแส