เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 68 นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คุณหมออารมณ์ดี เจ้าของเพจ “หมอเจด” ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ โดยระบุว่า

จริงๆ แล้ว ตับเป็นอวัยวะสำคัญมากนะครับ ทั้งช่วยกรองสารพิษ ผลิตโปรตีน และช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเรามีเรื่องตับอักเสบ สิ่งที่ตามมาตับแข็ง และสุดท้ายอาจกลายเป็นมะเร็งตับได้

3 สาเหตุหลักของตับอักเสบ มีอะไรบ้าง และจะป้องกันได้อย่างไร!

1. แอลกอฮอล์

หนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดตับอักเสบ คือ การดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง แอลกอฮอล์มีผลโดยตรงต่อตับ เพราะร่างกายต้องเผาผลาญมันผ่านตับ ถ้าดื่มมากเกินไป ตับจะทำงานหนักขึ้น และเกิดการอักเสบจนเกิดแผลเป็น (fibrosis) และในที่สุดจะพัฒนาเป็น ตับแข็งหรือมะเร็งตับได้

แอลกอฮอล์ที่มีผลต่อสุขภาพตับ ไม่ได้มีแค่เหล้าแรงๆ แต่รวมไปถึง ไวน์ เบียร์ โซจู ค็อกเทล หรืออะไรก็ตามที่มีแอลกอฮอล์ หากดื่มมากไป พวกนี้ก็เพิ่มความเสี่ยงทั้งนั้น

แนะนำแบบนี้นะว่า ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เอาแต่พอดี (ไม่เกิน 1-2 ดริ๊งค์ต่อวัน) และควรมีวันที่ งดดื่มอย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ตับได้พัก

2. ไวรัสตับอักเสบ

อีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ของตับอักเสบคือ ไวรัสตับอักเสบ ซึ่งมีอยู่หลายชนิด แต่ที่พบบ่อยและอันตรายคือ ไวรัสตับอักเสบ B และ C ซึ่งสามารถติดต่อผ่านเลือด น้ำลาย และสารคัดหลั่ง เช่น

  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • การสักหรือเจาะร่างกายจากร้านที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในระหว่างคลอด

คำแนะนำคือ

  • ตรวจเช็กภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี หากไม่มีภูมิให้ฉีดวัคซีน
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การใช้ของมีคมร่วมกัน
  • ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อคัดกรองไวรัส

3. ไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) คือภาวะที่มีไขมันสะสมในตับมากกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากพฤติกรรมการกินและโรคเมตาบอลิก เช่น ไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน

ทีนี้ลองเช็กดูนะว่าคุณเป็นกลุ่มคนที่เสี่ยงเป็นไขมันพอกตับไหม

  • คนที่ชอบกินขนมขบเคี้ยวและของหวานจัด (น้ำตาลสูงและคาร์โบไฮเดรตแปรรูป)
  • คนที่ดื่มน้ำหวานเป็นประจำ เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลม น้ำหวานใส่ไซรัป
  • สายของทอด ของมัน เช่น ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ ปาท่องโก๋ ซึ่งมีไขมันทรานส์สูง
  • คนที่มีไตรกลีเซอไรด์สูง (มากกว่า 150 mg/dL) และมีระดับ LDL สูง
  • คนที่เป็นเบาหวาน ซึ่งมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ไขมันสะสมที่ตับได้ง่าย

ไขมันพอกตับไม่ได้ทำให้เกิดอาการทันที แต่มันเป็นภาวะที่ค่อยๆ สะสมและก่อให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง หากปล่อยไว้ อาจกลายเป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุดนะครับ

คำแนะนำคือ

  • ลดน้ำตาลและของทอด กินโปรตีนและไฟเบอร์ให้มากขึ้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลทุกปี

4. วิธีป้องกันตับอักเสบ

ถึงเราจะหลีกเลี่ยงทุกปัจจัยเสี่ยงไม่ได้ แต่ยังมีวิธีดูแลตับให้แข็งแรงและลดโอกาสเกิดตับอักเสบได้ เช่น

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หมั่นตรวจเช็กระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด
  • ปรับพฤติกรรมการกิน ลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ขนมปังขาว ข้าวขาว
  • ลดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
  • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

5. วิธีฟื้นฟูตับให้แข็งแรง

หากคุณมีภาวะตับอักเสบ หรือเคยมีพฤติกรรมเสี่ยงมาก่อน นี่คือแนวทางช่วยให้ตับฟื้นตัวเร็วขึ้น

  • กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ถั่ว และปลาที่มีโอเมก้า 3
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเผาผลาญไขมันสะสมในตับ
  • ลดการบริโภคน้ำตาลและไขมันทรานส์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ (6-8 ชั่วโมงต่อวัน) เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • อาหารเสริมก็ช่วยลดการอักเสบได้ เช่น โอเมก้า 3 นะครับ

เพราะฉะนั้น ตับอักเสบเป็นเรื่องที่ทุกคนควรใส่ใจ เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งและมะเร็งตับได้ ป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน ดื่ม และดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้ความเครียดและไลฟ์สไตล์ที่ไม่ดี ทำลายตับของเราโดยไม่รู้ตัวนะครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ