หลังจาก “โจนาห์” ฟอลคอน หนุ่มใหญ่ชาวอเมริกันวัย 54 ปี ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายที่มีอวัยวะเพศใหญ่ที่สุดในโลก ล่าสุดไปออกสื่อต่างประเทศว่า ถ้าเขาตายจะอุทิศอวัยวะบอกความเป็นชายของเขาให้พิพิธภัณฑ์ไอซ์แลนดิก ฟัลโลโลจิคัล สถานที่ที่รวบรวมอวัยวะเพศของเพศผู้ทั้งของมนุษย์และสัตว์หลายร้อยสายพันธุ์เพื่อการศึกษาและวิจัย งานนี้ทำเอาหลายคนสงสัยว่า จะมีวิธีไหนบ้างไหมนะ? ที่จะทำให้ น้องชายคนเล็ก กลายเป็นพี่ใหญ่…เบิ้มๆ หรือขอให้ได้สักครึ่งของ “พี่โจนาห์” เขาบ้าง เรื่องนี้มีคำตอบให้แล้ว

หนุ่มใหญ่เจ้าของ “เจ้าโลกใหญ่ที่สุดในโลก” เผยอยากบริจาคอวัยวะสำคัญให้พิพิธภัณฑ์

สำหรับปัญหาขนาดน้องชายเล็ก เป็นเรื่องที่บั่นทอนความมั่นใจของชายไทยหลายคน แต่ไม่ต้องกังวล! เพนสะปัจจุบันมีหลากหลายวิธีที่ช่วยอัพไซส์น้องชายให้ใหญ่ขึ้นได้ ทั้งแบบธรรมชาติและแบบทางการแพทย์ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่น่าสนใจ

1. ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์: เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด ทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งส่งผลต่อขนาดน้องชายโดยตรง

2. นวดเพิ่มขนาด: เทคนิค Jelqing เป็นการนวดน้องชาย โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งนวดที่บริเวณองคชาตวันละ 2 ครั้ง ครั้ง 3 นาที เป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดเพื่อเพิ่มขนาดของอวัยวะเพศชายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

3. กำจัดขน: การกำจัดขนบริเวณน้องชาย ช่วยให้เห็นขนาดได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ดูใหญ่ขึ้นได้ทันที

4. ผ่าตัดเพิ่มขนาด: เป็นวิธีถาวร มี 2 แบบคือ ใส่ซิลิโคนและใช้เนื้อเยื่อเทียม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือต้องการเพิ่มขนาดแบบถาวร

5. ใช้วงแหวนรัด: ช่วยให้เลือดคั่งในน้องชาย ทำให้ดูใหญ่ขึ้น แต่ไม่ควรใช้เกิน 30 นาทีต่อครั้ง เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหายได้

6. ฉีดฟิลเลอร์: เป็นวิธีชั่วคราว โดยฉีดสาร Hyaluronic acid เข้าไปใต้ผิวหนังน้องชาย เห็นผลทันที แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี

7. ใช้กระบอกสูญญากาศ: ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวและดูใหญ่ขึ้น แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพื่อป้องกันอันตราย

8. ใช้เครื่องยืดกล้ามเนื้อ: ช่วยเพิ่มความยาวและเส้นรอบวง แต่มีความเสี่ยงหากใช้ไม่ถูกวิธี

9. ใช้ยา: ยาไวอากร้าช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้น้องชายดูใหญ่ขึ้น หรือสมุนไพร เช่น กระชายดำ โสม ถั่งเช่า ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศชาย แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา

ข้อควรระวัง:

  • ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกวิธีใดๆ
  • ศึกษาข้อมูลผลข้างเคียงและความเสี่ยงให้ละเอียด
  • เลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่ได้มาตรฐาน
  • หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลสมิติเวช