การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เตรียมระเบิดศึกกลางสภาในวันที่ 24-26 มีนาคม 2568 โดยฝ่ายค้านพุ่งเป้าขยี้กล่องดวงใจ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมกับลาก “บุคคลในครอบครัว” เข้าสู่ญัตติซักฟอกอีกด้วย โดย “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้มีการแก้ไขญัตติโดยจากเดิมได้มีการพ่วงชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงไปในญัตติ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเป็นคำว่า ”บุคคลในครอบครัว“ ซึ่งคำนี้อาจจะลากยาวไปถึงชื่อของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อีกด้วย

โดยฝ่ายค้านกลางโจทย์ร้อน เน้นไปที่ข้อกล่าวหาหลักคือการที่ “นายกฯ อิ๊งค์” ขาดภาวะผู้นำ และยอมให้ “นายทักษิณ” ชี้นำการบริหารประเทศ จนทำให้นายกฯ คนนี้ถูกมองว่าเป็นเสมือน “นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด” พร้อมปล่อยโปสเตอร์ตัวอย่าง “ดีลลับแลกประเทศ” ปลุกกระแสเรียกแขกในโซเชียล ซึ่ง “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเกมรุกว่า เวทีนี้จะทำให้รู้ว่าดีลลับแลกประเทศ ทำให้ประเทศเรานั้นเสียหายอย่างไรอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านโหมโรงอย่างคึกคัก โดยพรรคประชาชนประกาศเตรียมขึ้นเวทีอภิปรายกลางสภา โดยลาก นายกฯ อิ๊งค์ และบุคคลในครอบครัว มาประจานให้ประชาชนได้เห็นว่ามีการบริหารผิดพลาดอย่างไร โดยจัด 20 สส. ฝีปากกล้า เป็นขุนพลที่พร้อมเรียงหน้าขึ้นอภิปราย นำโดย สส.เท้ง สส.ไหม สส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.รังสิมันต์ โรม สส.กาย สส.ไอซ์ ในประเด็นร้อนแรง เทวดา รพ.ตำรวจ ชั้น 14, การแจกเงิน 10,000 ดิจิทัลวอลเล็ต ที่หวังเป็นพายุหมุนเศรษฐกิจ แต่กลับมาทยอยแจกจนกลายเป็นมรสุมร้อนรอเผารัฐบาลเองหรือไม่

รวมถึงเรื่องการปฏิรูปกองทัพที่ยังเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามถึงความจริงใจและความคืบหน้า เนื่องจากแม้รัฐบาลเพื่อไทยจะเคยหาเสียงไว้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นความคืบหน้าเป็นรูปธรรม รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีกลุ่ม ไทย-เทา และร่างพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีการแบ่งผลประโยชน์ให้กับเจ้าสัวถ้วนหน้าแต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย และยังมีเรื่องร้อนของกองทุนประกันสังคม อีกด้วย

เท่านั้นยังไม่พอยังมีพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยพรรคพลังประชารัฐ ที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศชัดว่าจะเป็นขุนพลนำทีมขึ้นอภิปรายต่อจาก สส.เท้ง ใน 4 ประเด็น ที่ดินอัลไพน์, เทวดา รพ.ตำรวจ ชั้น 14, กาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์, MOU 2544 จนถูก สส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเย้ยกลับว่า ลุงป้อม จะยืนได้กี่นาที

ขณะที่พรรคเป็นธรรม นำโดย นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม จะพุ่งเป้าจัดหนักเรื่องการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน แถมยังมีพรรคไทยสร้างไทย ที่ประกาศจองกฐินเกาะติดเรื่องความผิดปกติของการผลักดันกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย

ไม่ใช่เพียงแค่นายกฯ อิ๊งค์ ที่ถูกเพ่งเล็งเพียงบุคคลเดียวเท่านั้น ยังมีสะเก็ดระเบิดกระจายไปโดนรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงต่าง ๆ ไล่มาตั้งแต่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการแก้ปัญหาชายแดนและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ที่ถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์

รวมถึงเหตุการณ์คานสะพานถล่มบนถนนพระราม 2 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2568 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 27 ราย โดยเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นอีกด้วย และมีส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ที่กำกับดูแลในส่วนของหน่วยงานนี้

รวมถึงแรงสั่นสะเทือนของศึกซักฟอก อาจทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อก ต้องจับตาว่าจะมีการปรับปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เขย่าเก้าอี้รัฐมนตรีกันกี่ตำแหน่ง เพราะถ้าไปดูเสียงโหวตพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็จะตบเท้ายกมือโหวตให้นายกฯ อิ๊งค์ ให้ผ่านศึกครั้งนี้ ซึ่งจะเห็นได้จากการนัดดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลนัดพิเศษ ที่นายกฯ อิ๊งค์ ขอเป็นเจ้าภาพ ปิดโรงแรมโรสวูด กรุงเทพมหานคร เลี้ยงพรรคมาร่วมรัฐบาล เพื่อหารือครั้งพิเศษก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งก็ต้องมาจับตาดูกันว่านายกฯ อิ๊งค์ จะผ่านศึกซักฟอกครั้งนี้แบบเดินสวยๆ หรืออยู่ในสภาพสะบักสะบอม

เรียกได้ว่าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ศึกของนายกฯ แพทองธาร เท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ ที่จะต้องรับมือกับการโจมตีทางการเมืองจากฝ่ายค้าน และจะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลแพทองธาร มีความสามารถในการบริหารประเทศได้จริงหรือไม่