เมื่อวันที่ 20 มี.ค.68 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ช่วงกระทู้ถามสด นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรี เรื่อง นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งตั้งข้อสังเกตต่อกรณีที่รัฐบาลเลือกร่วมมือด้านซอฟต์พาวเวอร์กับเมลโก้ที่ประกอบกิจการและธุรกิจกาสิโนในหลายประเทศ และล่าสุดพบการจัดตั้งบริษัทดังกล่าวในประเทศไทย ซึ่งตนมีคำถามว่า กรณีที่รัฐบาลเลือกทำความร่วมมือแบบพิเศษกับบริษัทที่ทำธุรกิจกาสิโน จะมีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจร่วมมือกับบริษัทดังกล่าวต่อการออกใบอนุญาตให้ทำกาสิโน ซึ่งรัฐบาลมีแนวคิดต่อการออกกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้หากระบุว่าต้องร่วมมือเพราะข้าถึงผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรที่มีชื่อเสียงได้ พูดได้หรือไม่ว่ารัฐบาลไม่สามารถขอความร่วมมือจากบริษัทอื่นได้ นอกจากนั้นแล้ว หากยืนยันต้องร่วมมือกับบริษัทดังกล่าวจริงเคยศึกษาละเอียดหรือไม่ว่า บริษัทที่ทักก้าร่วมมือ ได้ทำธุรกิจที่น่ากังวล
“แม้ว่าไม่เคยพิสูจน์ว่าทำผิด แต่การค้นหาจากอินเตอร์เน็ตมีการรายงานข่าวว่าถูกสอบสวนจากหน่วยงานที่ประเทศออสเตรเลีย ที่พบซื้อหุ้นในกาสิโนที่มีปัญหาการฟอกเงิน และเคยร่วมธุรกิจกับนายหน้าที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมในจีน และบริษัทดังกล่าวเคยถูกสอบสวนจากหน่วยงานญี่ปุ่นที่นักการเมืองญี่ปุ่นไปรับสินบนจากอีกบริษัทหนึ่ง” นายพริษฐ์ กล่าว
โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดีอี ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทนว่า บริษัทดังกล่าว เป็นผู้สนับสนุนงานด้านศิลปะและซอฟต์พาวเวอร์ รวมถึงมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ ดังนั้นกรณีที่เมลโก้ให้ความสนับสนุนและทำงานร่วมกับทักก้าจึงไม่แปลก เพราะมีกิจกรรมและมีลักษณะของภารกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท เมลโก้ และไม่เกี่ยวกับการออกใบอนุญาตกาสิโน ขณะที่กฎหมายที่ระบุไว้นั้นยังอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น และ ครม.ยังไม่ได้พิจารณา ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เมลโก้จะได้รับใบอนุญาตตามร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร
“รัฐบาลไทยไม่ได้กีดกันบริษัทอื่น หากมีใดในโลกต้องการทำร่วมกับไทยในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์นั้นยินดี แต่เมลโก้ได้เสนอเงื่อนไขที่ประเทศไทยไม่เสียประโยชน์ อย่างไรก็ดีบริษัทดังกล่าวจดทะเบียบถูกต้องและดำเนินธุรกิจมานาน กรณีที่มีระบุว่าถูกตรวจสอบนั้น ไม่เคยมีคำวินจิจฉัยว่ามีความผิด แต่อย่างไรก็ดีรัฐบาลใช้ความระมัดระวัง หากเกี่ยวกับเรื่อผิดกฎหมาย หรือไม่ถูกต้อง หรือมีคำวินิจฉัยจากหน่วยงานจะระวังเป็นพิเศษ” นายประเสริฐ กล่าว
ทั้งนี้ นายพริษฐ์ ตั้งคำถามโดยแสดงความกังวลต่อการล็อกสเปคบริษัทที่จะได้รับอนุญาตทำกาสิโนถูกกฎหมาย พร้อมมองว่า บริษัทที่ทำธุรกิจกาสิโนแห่งหนึ่งได้ให้ประโยชน์กับนโยบายซอฟท์พาวเวอร์ของรัฐบาล ขณะเดียวกันนายกฯ จะทำหน้าที่ประธานพิจารณาการให้ใบอนุญาตกาสิโนตามร่างกฎหมาย ควรพิจารณาการทำหน้าที่ที่ไม่มีผลประโยชน์ขัดกัน
โดย นายประเสริฐ ชี้แจงว่า ตามร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรที่มองว่ามีเงื่อนไขการออกใบอนุญาตการประมูลผ่านคณะกรรมการนั้น ต้องดำเนินการในหลายขั้นตอน ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเข้า ครม.เมื่อใด ดังนั้นไม่อยากสรุปว่ารายละเอียดสุดท้ายเป็นอย่างไร
“ผมขอยืนยันว่าแม้บริษัทนี้จะให้ความสนับสนุนในด้านต่างๆ แต่จะไม่ได้รับความได้เปรียบจากรัฐบาล ไม่ใช่ว่ามาช่วยแล้วได้สิทธิพิเศษ ส่วนการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ต้องระวัง ส่วน ร่างพ.ร.บ. ทักก้า อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่แน่ใจว่าจะทันสมัยนี้หรือไม่ แต่จะพยายามดูว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว.