เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 มี.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า อีกไม่กี่วันแล้วในเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่รอบนี้เอาภาพรวมแล้วกัน ไม่ได้เจาะไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ยืนยันว่า รอบนี้สะเทือนแน่นอน

“คงไม่ได้มาพูดให้ดูน่าตื่นเต้น ผมยืนยันว่าผมได้เห็นข้อมูล แล้วผมค่อนข้างมั่นใจ ว่ารอบนี้คุณอิ๊งค์ แพทองธาร เหนื่อยแน่นอน เพราะหลักฐานหลายๆ อย่างค่อนข้างมัดตัว และมัดตัวชนิดที่ว่าผมนึกไม่ออกว่าคุณอิ๊งค์ แพทองธารจะดิ้นหลุดได้อย่างไร ฉะนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ผมเชื่อว่าประสิทธิภาพของการอภิปราย จะส่งผลสะเทือนต่อรัฐบาล” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ใช่ต้องการล้มรัฐบาล แต่ก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ว่ากันไปตามปัญหาที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ก่อเอาไว้ อย่าไปคิดว่า น.ส.แพทองธารทำหน้าที่มาไม่กี่เดือนแล้วมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั่นไม่ใช่ แต่ต้องบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ในยุคสมัยของ น.ส.แพทองธาร มีความต่อเนื่องมาตั้งแต่ในอดีต ตั้งแต่ยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงปัจจุบันบางเรื่องอาจจะทำไปโดยที่ น.ส.แพทองธารก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

เมื่อถามว่าจะสะเทือนเหมือนเรื่องตั๋วช้างในอดีตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อาจจะสะเทือนกว่าด้วยซ้ำไป เรื่องนั้นเป็นเพียงเชิงการรับรู้ แต่ครั้งนี้ในเชิงการเอาผิดทางกฎหมายชัดเจนมาก

เมื่อถามว่าหากหลักฐานชัดเจนจะถึงขั้นพรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมโหวตไม่ไว้วางใจหรือไม่  นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตอบแทนพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ แต่ปัญหาที่มีความไม่แน่นอนในระหว่างพรรคร่วมด้วยกัน ก็เป็นปัญหาของประเทศ ตนไม่อยากมองว่าเป็นแค่วาระทางการเมือง แต่อยากให้มองเห็นถึงวาระของประชาชน 

“การที่พรรคการเมืองหนึ่งอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลแต่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และไม่ได้เห็นภาพของการบริหารราชการแผ่นดินไปในทิศทางเดียวกัน ผมคิดว่าสร้างปัญหามากมายให้เกิดขึ้น ฉะนั้นเมื่อเป็นแบบนี้เราก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ บางส่วนเราได้ข้อมูลมาจากใครก็ไม่รู้ล่ะ เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้มาใช้เป็นใบเสร็จในการเช็กบิลต่อรัฐบาลอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งหมด” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่าข้อมูลที่ได้มาจากซีกฝั่งรัฐบาลหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าเรามีข้อมูลหลายทาง ตนคงไม่กล้าที่จะยืนยันว่าข้อมูลได้มาจากใครบ้าง แต่ตนคิดว่าข้อมูลทั้งหมดมาจากหลายส่วน และทำให้เห็นเป้าของ น.ส.แพทองธาร อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามว่าช่วงเวลาการอภิปรายแม้จะได้เพิ่มขึ้นแต่เป็นโจทย์ยากของฝ่ายค้าน เพราะมีช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนอาจจะไม่มีคนดูนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรารู้อยู่แล้วว่ามีความพยายามที่จะทำให้เราไปอภิปรายตอนดึก ซึ่งเราไม่ได้กังวลและเชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการอภิปรายที่สำคัญ และเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชน คงจะไม่ได้ส่งผลกระทบมาก ขณะเดียวกัน วันนี้เครื่องมือสื่อสารหลายอย่างไม่น่าเป็นห่วงขนาดนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร ตนคิดว่า สำคัญอยู่ที่การอภิปราย อยู่ที่การทำหน้าที่ของทั้ง 2 ฝ่าย แล้วหวังว่าในเมื่อเราตกลงกันแล้ว ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ตามกรอบที่ได้ตกลงกันเอาไว้และขอให้เคารพกติกาเคารพข้อตกลง 

“ไม่อยากให้กลายเป็นว่าสุดท้ายประท้วงจนเวลาเกิน ซึ่งถ้าเวลาเกินตามที่ตกลงกันไว้ก็ต้องเพิ่มขึ้นอีก 1 วัน ดังนั้นถ้าจะปฏิบัติตามกติกา ผมคิดว่ามันก็เดินไปได้ และผมเชื่อว่าไม่ว่าดึกแค่ไหน พยานหลักฐานต่างๆ ที่เราได้นำเสนอยังไงตนเชื่อว่าจะอยู่ในการรับรู้ของประชาชนอย่างแน่นอน และเชื่อว่าพี่น้องสื่อมวลชนจะอยู่กับพวกเราตอนดึก” นายรังสิมันต์ กล่าว