เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่รัฐสภา มีประชุมวิป 3 ฝ่าย “เอิร์ธ” ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ( ปชน.) ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เป็นการประชุมกำหนดเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายจะเริ่มต้นในวันที่ 24-26 มี.ค.นี้ วันอภิปราย 24-25 มี.ค. จะเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป อภิปรายจนถึงเวลาประมาณ 23.30 น. ของวันที่ 25 มี.ค. แล้วจะนัดลงมติวันที่ 26 มี.ค. กรอบเวลาการอภิปราย แบ่งเป็น ฝ่ายค้าน 28 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลรวมกับ ครม. 7 ชั่วโมง และประธานที่ประชุม 2 ชั่วโมง
มีเงื่อนไขสำคัญที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน จากที่ผ่านมามีบางเหตุการณ์ประท้วงกันจนฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายต่อได้ ใช้เวลายังไม่หมด หากอภิปรายวันสุดท้ายวันที่ 25 มี.ค. ถ้าเวลาฝ่ายค้านยังไม่หมด อภิปรายไม่ครบ ก็จะอภิปรายนอกสภา หากเวลาฝ่ายค้านยังไม่หมด ต่อให้เลยเที่ยงคืนก็จะใช้เต็มโควตา แล้วเลื่อนไปลงมติ 27 มี.ค.”
“เจ๊เดือน” มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะตัวแทนฝ่าย ครม. กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาล และ ครม. พยายามจะใช้เวลาทั้งการประท้วงของ สส.รัฐบาลวันละ 1 ชั่วโมง ทั้ง 2 วัน ขณะที่เวลาในการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีใน ครม.ที่ถูกพาดพิง จะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง โดยในวันแรกจะใช้เวลาอภิปรายประมาณ10ชั่วโมง อภิปรายจนถึงวันที่25มี.ค. เวลาประมาณ 23.30น. และลงมติในวันที่ 26 มี.ค. เวลา 10.00 น. ซึ่งก็ได้กำชับฝ่ายค้านไปว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรพาดพิงบุคคลภายนอก ควรอภิปราย “นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ตรงๆ
“หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร การเปลี่ยนชื่อในญัตติ จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นบุคคลในครอบครัว สำหรับพวกเราเองมองว่าเป็นการเปิดกว้างในการอภิปรายได้มากขึ้นด้วยซ้ำ อาจไปถึงญาติคนอื่นด้วย ข้อมูลมีหลายส่วนที่เราไม่เคยเปิดเผยต่อสื่อมวลชน
“ถ้านายกฯ ไม่สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน ข้อมูลหลักฐานในครั้งนี้มีแนวโน้มสูงที่จะนำไปสู่การยื่นถอดถอนได้ในอนาคต จำนวนเสียงในการลงมติ จะสะท้อนส่วนสำคัญว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพมากน้อยขนาดไหน นายกฯ ควบคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลได้จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาการดำเนินงานในฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่างกฎหมายต่างๆ ที่ไม่สามารถเดินหน้าได้ พอพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอา พรรคเพื่อไทยก็ต้องถอยตาม แสดงให้เห็นถึงความไม่ลงรอยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล การอภิปรายจะยิ่งเป็นการชี้ให้สังคมเห็นว่าปัญหาของรัฐบาลชุดนี้คือเรื่องนี้จริงๆ”
อีกเรื่องที่ถูกวิจารณ์มาก คือเมื่อวันที่ 18 มี.ค. มีม็อบผู้เดือดร้อนจากปลาหมอคางดำระบาด 19 จังหวัด มาที่ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้นายกฯ ไปรับเรื่อง แต่นายกฯ ไม่ได้ลงไป และปรากฏภาพในช่วงเย็นที่ “นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร เล่นกับลูกอยู่ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จนทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. กล่าวว่า “นายกฯ ไม่รู้สี่รู้แปดกับเรื่องม็อบปลาหมดคางดำ”
“เลขาบอย” สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกว่า รู้สึกผิดหวังจริงๆ ในฐานะเป็นคนรุ่นใหม่ตั้งความหวังกับการเมืองเหมือนกัน พอเห็นแบบนี้ก็ผิดหวังกว่าเดิม เพราะมันหยาบคาย นายวิโรจน์จะทำอะไรก็เอาที่สบายใจ มองว่า ประชาชนแยกออกว่าอันไหนคือวุฒิภาวะ ย้ำว่า รู้สึกผิดหวังจริงๆ
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีเดียวกันนี้ว่า เรื่องนี้ได้แจ้งให้กระทรงเกษตรและสหกรณ์ โดยอธิบดีกรมประมงมาชี้แจงและรับเรื่อง ตนเองก็ลงไปแต่เจ้าหน้าที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์แจ้งว่าเขาไม่ยอมให้ตนรับเรื่อง ทำไมกลุ่มนี้จึงมาตั้งแง่ แม้จะบอกไปแล้วว่า นายกฯ ติดประชุม ครม.
“สส.กาย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรค ปชน. ก็อยู่ในที่ชุมนุม เมื่อตนกลับมาที่ทำเนียบรัฐบาลจึงทราบต่อว่านายวิโรจน์ก็เดินทางมาออกแอ็คชั่น ขึงหน้าขึงตา และพูดจาที่ไม่ดี การพูดจาของนายวิโรจน์เป็นการพูดจาด้อยค่านายกฯ ซึ่งไม่ควรทำ เราเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจให้แล้วไปด่าไปว่ากันในสภาฯ ไม่เป็นไร อย่าต้องการแค่อีเวนต์แล้วไปออกข่าวต่อว่าในสภาฯ อย่าเล่นละครจนเกินเหตุ บางครั้งเราเองก็อึดอัดใจ พูดในสภาฯก็ได้แล้วจะมาทำเดือดร้อนอะไร”
นายสมคิดกล่าวว่า ที่สำคัญไม่ควรด้อยค่านายกฯ พูดถึงแม้กระทั่งเรื่องของรองเท้า มองว่ามันเกินไปหน่อย การด่าข้างถนนแบบนี้นายกฯไม่สามารถทำได้ แล้วไม่ปฏิบัติตามด้วย มีเวทีสภาฯ จะเปิดให้ไปว่ากันในสภาฯ อย่ากลัวตกข่าว อย่ากลัวไม่ได้อีเวนต์ และอย่าคิดว่าทำแบบนี้ประชาชนจะชอบ เพื่อไทยไม่ไปด่าตามเต้นตาม นายกฯ ไม่ได้ละเลยปัญหาปลาหมอคางดำ อธิบดีกรมประมงก็ชี้แจงว่าทำมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้ร้องรู้อยู่แล้วกลับมากำหนดต้องให้เสร็จภายใน 1 ปี อธิบดีก็ตอบว่าคงเป็นไปไม่ได้ ขอเวลา 3 ปีได้หรือไม่ ก่อนยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาหอยเชอรี่ คุณก็รู้ว่า 3 ปีมันเสร็จแต่ดันมาขอเพียง 1 ปี ส่วนเรื่องการชดเชยนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เขาก็ทำมาตลอด ขอให้นายวิโรจน์ปรับตัวใหม่ อายุยังน้อย อนาคตยังมี คิดใหม่ได้ อย่าคิดเอามันหรือสะใจอย่างเดียว ไม่คิดจะให้ใครถอนคำพูด สังคมและประชาชนดูเอาเองว่าใครมีวุฒิภาวะอย่างไร
ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯอิ๊งค์ด้วย ก่อนตอบคำถามดังกล่าวนายกฯ หันหน้ามายิ้มเจื่อนๆ และว่า “ที่พาลูกไปวิ่งเล่นนั้นก็เพราะคนเราไม่ได้มีมิติเดียว ทำงานก็คือทำงาน เรื่องของความเดือนร้อนของประชาชน อย่างเรื่องปลาหมอคางดำ เราพูดคุยและสั่งการกรมประมงเรียบร้อยแล้ว ที่พาลูกวิ่งเล่นไม่ได้รบกวนการทำงานแต่อย่างใด วันที่ตารางงานแน่นไม่สามารถเจอลูกได้ก็ไม่ได้เจอ มนุษย์ทุกคนมีครอบครัวได้ มีชีวิตที่มีความสุขของตัวเองได้ การจัดสรรเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ได้แปลว่าเราทำอย่างหนึ่งแล้วไม่ได้ทำอย่างหนึ่ง ในเรื่องงานแทบจะอยู่ในหัวดิฉันตลอดเวลาอยู่แล้ว ทำงานทุกวัน แนะนำ ให้ทุกท่านดูแลสุขภาพ แบ่งเวลาให้ถูกต้อง นั่นเป็นสิ่งที่ดีทั้งกับองค์กร ครอบครัว งาน และกับประเทศ”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะให้คำมั่นและความสบายใจกับประชาชนที่อยากให้รัฐบาลช่วยเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คำถามนี้ดีมาก วันที่ 18 มี.ค. สมาคมประมงก็มาขอบคุณเรื่องของประมง ตนได้บอกไปว่า ทุกปัญหาของประชาชนไม่ว่าเป็นจังหวัดใด เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดูแล อันไหนรีบดูแลได้ก็จะรีบแน่นอน เช่น เรื่องเกี่ยวกับชีวิต เรื่องคอขาดบาดตาย ถือเป็นสิ่งสำคัญ ถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไข ขอให้เชื่อมั่นตรงนี้ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราก็รีบทำ อย่างเรื่องฝุ่น PM 2.5 บางคนที่ ทส.ทำงานอาจจะไม่ได้ออกสื่อมากมาย แต่ทำงานอย่างแข็งขัน ทุกคนทำงานจริงๆไม่ได้ละเลย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 มี.ค.ที่ท่าอากาศยานเมืองคาซือ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน “บิ๊กอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นำคณะผู้บริหารส่วนราชการ และ สื่อมวลชน เดินทางถึงเมืองคาซือ มีนายชู ต้าถง รมช.ความมั่นคงสาธารณะ (ลำดับ 4) ให้การต้อนรับ จากนั้น โดยคณะของนายภูมิธรรมและ พ.ต.อ.ทวีจะแยกย้ายไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ ถึงบ้านพักส่วนตัว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคาซือ ระยะทางประมาณ 100-300 กิโลเมตร มีผู้แทนฝ่ายจีนระดับรัฐมนตรี เดินทางร่วมด้วยทั้ง 2 คณะ
นายกฯอิ๊งค์ให้สัมภาษณ์ว่า นายภูมิธรรมไปดูเพื่อให้มีภาพกลับมาบอกประชาชนเพื่อความสบายใจ ซึ่งคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเราคุยกับทางการจีนแล้ว เราอธิบายประเทศที่เห็นต่างแน่นอน และ รมว.การต่างประเทศก็รับหน้าที่พูดคุย ประสานกับประเทศต่างๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น ตอนที่เราตัดสินใจพูดคุยกับประเทศจีน เราไม่มีอะไรที่เปิดเผยไม่ได้ อยู่ที่เวลาเท่านั้น
และเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง “สส.หนุ่ม”ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เป็นเนื้อหาร่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตรา 32/1 ที่ผ่านวาระสอง คือ “ห้ามผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เว้นแต่เพื่อเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ หรือประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ตามหลักการ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม”
สส.หนุ่มโพสต์ว่า “ขอบคุณเพื่อน สส.ที่ลงมติเห็นชอบการแก้ไข มาตรา 32/1 ตามคำสงวนความเห็นของผม ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย การแก้ไขตามคำสงวนนี้ จะเปิดทางให้ผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มสุราชุมชนสามารถประชาสัมพันธ์ หรือพูดถึงผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้บ้าง โดยอาจสามารถแสดงรูปผลิตภัณฑ์ ตราสัญลักษณ์ ส่วนประกอบ วิธีการผลิต แหล่งที่มา หรือลักษณะของผลิตภัณฑ์ ตามกรอบหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ซึ่งทำให้เราสามารถส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นสุราชุมชนให้เป็นที่รู้จัก ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศได้จริงครับ”