ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งไทยและทั่วโลก การบริหารพอร์ตการลงทุนให้มีกำไร ถือเป็นเรื่องไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้หลายกองทุนต่างๆ พากันขาดทุนจำนวนมาก แต่ก็มีกองทุนหนึ่งที่ผลตอบแทนอย่างแข็งแกร่ง นั่นคือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ดูแลเงินสมทบของข้าราชการกว่า 1.4 ล้านล้านบาท คราวนี้ไปดูกันว่า กบข. มีกลยุทธ์อะไรที่ทำให้การบริหารประสบความสำเร็จ ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจทั่วโลก

โดย ทรงพล ชีวะปัญหาโรจน์ ซึ่งนั่งเก้าอี้เลขาฯ กบข. มาครบ 1 ปี เผยแนวทางการบริหาร กบข. ว่า ปัจจุบัน กบข. มีสมาชิกประมาณ 1.25 ล้านคน มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งแนวทางการลงทุน แบ่งตามภาพใหญ่ๆ คือ จะมีการกระจายการลงทุนในต่างประเทศ 60% และในประเทศ 40% แต่หากแบ่งประเภทตามกลุ่มสินทรัพย์ จะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 60% และสินทรัพย์อื่น เช่น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ และทองคำอีก 40%

สำหรับผลดำเนินงานปี 67 ที่ผ่านมา กบข. สามารถบริหารกองทุนใหญ่ขึ้น 1.06 แสนล้านบาท สร้างผลตอบแทนโดยรวม 4.12% ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมาจากการลงทุนที่หลากหลาย แต่แผนที่สร้างผลตอบแทนสูง คือ ทองคำสร้างผลตอบแทนเพิ่ม 24.67% ทำให้ กบข. สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย ผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวชนะอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง บวก 2%

กุญแจสำคัญที่ทำให้การลงทุนประสบความสำเร็จ มาจากการกำหนดยุทธศาสตร์การลงทุน โดยมีลักษณะการกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์ ด้วยการพิจารณา 4 เรื่องหลัก คือ 1.สินทรัพย์ที่จะลงทุน 2.ประเทศที่จะลงทุน 3.ความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่จะลงทุน และ 4.อัตราแลกเปลี่ยนของสินทรัพย์ที่จะลงทุน

ขณะที่แนวทางการลงทุนจะมี คณะกรรมการ กบข. หรือบอร์ดใหญ่ กำหนดทิศทางการลงทุน และมีคณะอนุกรรมการการลงทุน มาช่วยขับเคลื่อนภายใต้กรอบ ดูความคุ้มค่าในแต่ละสินทรัพย์ และหากเป็นสินทรัพย์ทางเลือก ก็จะต้องเสนอให้บอร์ดชุดใหญ่ตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความรอบคอบ

ส่วนปี 68 ก็ยอมรับว่าเป็นปีที่มีความท้าทายมากกว่าเดิม ทั้งเรื่องตลาดการลงทุน ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงจะต้องระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว พร้อมกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้เพื่อลดความผันผวน

ขณะที่มุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้น นายทรงพล มองว่า เราไม่ได้มองภาพการลงทุนเป็นรายตะกร้า แต่มองหุ้นไทยเป็นรายตัว ดังนั้นจะเห็นว่าตั้งแต่ปีที่ผ่านมา กบข. ได้ปรับดัชนีอ้างอิงภายในของ กบข. จาก SET50 เป็น SET50 Free Float เพราะฉะนั้นจะดูลักษณะของตัวหุ้นที่อยู่ในตลาด และเราเลือกลงหุ้นเฉพาะตัว 

โดยมีฝ่ายกลยุทธ์ คอยติดตามดูภาพรวมเศรษฐกิจ และฝ่ายลงทุน นำข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ มาวิเคราะห์ถึงแนวทางการลงทุน เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกตลอดเวลา

อาทิ การเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีจากกระแส เอไอ ราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นจากแรงซื้อของธนาคารต่างๆ และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐปรับลดลง ซึ่ง กบข. ได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นตลาดเกิดใหม่ ตราสารหนี้ และทองคำ

ขณะที่การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบัน กบข. ก็มี โดยเป็นเจ้าของอาคาร 3 แห่ง ได้แก่ อับดุลลาฮิม เพลสบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ย่านสาทร และอาคารจีพีเอฟ วิทยุ ทาวเวอร์ โดยเรามีการจ้างมืออาชีพเข้ามาช่วยดูแล ซึ่งถือว่าให้ผลตอบแทนดีทั้งในส่วนของค่าเช่า และราคาสินทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวทางการลงทุนในอสังหาฯ หรือการใช้กองทรัสต์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ของการลงทุน โดยเป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่สามารถทำได้ แต่หัวใจสำคัญก็คือ จะต้องดูประเภทและมูลค่าของสินทรัพย์ ความคุ้มค่าของสินทรัพย์ ความเชี่ยวชาญของเรา รวมถึงรูปแบบผลตอบแทน มากกว่า หากทุกอย่างโอเคก็น่าลงทุนได้

นอกจากนี้ ในการพิจารณาการลงทุน กบข. ยังเปิดให้สมาชิกเลือกแผนการลงทุนเองได้ 3 รูปแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการตัวเอง ได้แก่ แบบแรก การลงทุนตามแผนหลัก ซึ่งแบ่งเป็น ตราสาร 60% ไม่ใช่ตราสาร 40% ซึ่งเป็นแผนที่สมาชิกส่วนใหญ่เลือกลงทุนถึง 85% แบบที่สอง แผนสมดุลตามอายุ เช่น แผนสมดุลตามอายุ ที่อายุน้อยจะมีตราสารทุนสูงและปรับลดอัตโนมัติเมื่ออายุมากขึ้น และปบบที่สาม การเลือกแผนลงทุนเอง ซึ่งมีให้เลือก 12 ทางเลือก

เหล่านี้ก็ถือเป็นแนวทางการบริหารของ กบข. ซึ่งแม้ปีนี้จะเป็นที่ยาก และท้าทายกว่าเก่า แต่ก็พยายามจะทำให้สำเร็จได้ตามเป้าหมาย คือ ให้มีผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่าเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง บวก 2% ให้ได้