เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นำคณะผู้บริหารส่วนราชการ และสื่อมวลชน เริ่มภารกิจแรกด้วยการพบปะหารือกับ นายฉี หยานจุน รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรค และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และคณะ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการและการดูแลกลุ่มบุคคลที่ส่งกลับของจีน โดยเฉพาะชาวอุยกูร์ 40 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ณ เรือนรับรอง เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
โดยนายฉี กล่าวต้อนรับ ยินดีที่ไทยพาคณะมาในครั้งนี้ และพร้อมที่จะเปิดให้พบกับชาวอุยกูร์ จีนขอชื่นชมรัฐบาลไทยที่ร่วมกันแก้ปัญหา นำ 40 คนที่ส่งกลับมา มีบางประเทศติฉินนินทาความร่วมมือระหว่างไทยและจีน ทั้งที่บังคับใช้กฎหมายปกติ โดยบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี ที่ทั้ง 2 ประเทศดำเนินการอย่างเข้มข้น สำหรับคนที่เข้าประเทศที่ 3 ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราต้องทำหน้าที่นี้ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง และต้องขอความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศ ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน
นายฉี กล่าวยืนยันว่า สถานการณ์ในซินเจียง ขณะนี้มีความปลอดภัย ชนเผ่าต่างๆ มีความสามัคคีกัน การพัฒนาเศรษฐกิจกำลังเดินหน้า การเดินทางมาเยือนครั้งนี้ เพื่อที่คณะผู้แทนไทยและสื่อมวลชน จะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในซินเจียง การไปเยี่ยมทั้ง 40 คน ระยะเวลา 2 วันอาจไม่เพียงพอ แต่เราจะพยายามเต็มที่ให้ได้เจอมากที่สุด รวมถึงจะได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจและสังคม ก็ขอให้คณะแสดงสิ่งเหล่านี้ต่อสายตาโลก
“สิ่งที่สหรัฐ และสหภาพยุโรป บอกว่ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับชาวอุยกูร์ ไม่เป็นความจริง ความจริงคือความจริง ทุกคนจะได้เห็น ประตูซินเจียงเปิดต้อนรับทุกคน จะได้รู้ว่าซินเจียงเป็นอย่างไร” นายฉี กล่าว
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า จากความสัมพันธ์ครบรอบ 50 ปี ที่เราได้มีการสถาปนาทางการทูต จากนั้นได้แนะนำคณะให้รู้จัก พร้อมระบุด้วยว่าได้นำสื่อมวลชน ทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ และออนไลน์ที่มีประชาชนติดตามจำนวนมาก มาร่วมทำข่าวในครั้งนี้ด้วย การเดินทางมาครั้งนี้ นอกจากกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคงที่มีร่วมกันมาอย่างดีตลอดหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการก่อการร้าย การหลอกลวงทางโทรคมนาคม และการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า วัตถุประสงค์ที่สอง คือการมาเยี่ยมเยียนชาวอุยกูร์ที่ทางการไทยส่งกลับเมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และทางการจีนก็อนุญาตให้ทางการไทยได้สามารถเยี่ยมเยือนได้ตามที่ 2 ประเทศตกลงไว้ พร้อมขอโทษฝ่ายจีน ที่เราติดต่อประสานมาดูแค่ 2 วัน โดยเราไม่รู้สภาพพื้นที่ซึ่งมีบ้านเมืองอยู่ห่างไกลพอสมควร โดยเมืองทางคาซู มี 3 เมืองใหญ่ๆ แต่ละเมืองก็ห่างกันประมาณ 400-500 กิโลเมตร จึงได้กำหนดมาแค่ 2 วัน แต่ทางการจีนก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ที่จัดให้เราได้พบกับชาวอุยกูร์และได้พูดคุยแม้กระทั่งในส่วนที่อยู่ห่างไกล ก็ถือเป็นความร่วมมือและสนับสนุนจากจีน ซึ่งทางการไทยต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง.