นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ปี 68 คาดว่ามูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวมของไทย จะมีมูลค่า 4.8 ล้านล้านบาท ขยายตัว 7.3% จากปี 67 และคิดเป็นการขยายตัว 2.6 เท่า ของการขยายตัวของจีดีพีโดยรวมที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ประมาณการขยายตัว 2.8% แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวสูง และเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่สนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวมาโดยตลอด ขณะที่การลงทุน คาดว่าการลงทุนด้านดิจิทัล จะขยายตัว 9.9% คิดเป็น 2.7 เท่า ของการลงทุนโดยรวมที่จะขยายตัว 3.6%   

“ปัจจัยที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทยขยายตัว มาจากนโยบายรัฐบาล ทั้งเรื่องนโยบายคลาว์ด เฟิร์ส โพลีซี และนโยบาย ศูนย์กลางดิจิทัล หรือ ดิจิทัล ฮับ และการดำเนินนโยบายรัฐบาลดิจิทัล  และการเข้ามาลงทุนของบริษัท เทค ระดับโลกในด้านดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาการประกาศลงทุนในไทยคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านแล้ว รวมถึงกระแสการใช้ เอไอ ในภาครัฐและเอกชน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้ในการชำระเงิน ใช้บริการผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น”

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สดช. กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนเป็น 30% ของจีดีพี ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 25% อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเรื่องการผันผวนทางการเมือง และการค้าโลก ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามในภูมิภาคต่าง ๆ และข้อจำกัดในการรองรับการลงทุนของประเทศ โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด เรื่องบุคลากรเพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ

“ศักยภาพของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของไทย และการดำเนินนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศของรัฐบาล เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้ขยายตัวสูง โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านเอไอ ที่จะมีผลสนับสนุนการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีเอไอในอนาคต จึงคาดว่า เศรษฐกิจดิจิทัลจะมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ขยายตัวในอนาคต” นายเวทางค์ กล่าว