น.ส.จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 เป็นอีกหนึ่งปีที่ยอดเยี่ยมของ แกร็บ ประเทศไทย โดยยังคงครองความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้ใช้ให้ความเชื่อมั่นทั้งในบริการเรียกรถผ่านแอปและเดลิเวอรี อีกทั้งยังสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกธุรกิจ โดยมีไฮไลท์ความสำเร็จมากมาย อาทิ การเปิดให้บริการจุดรับ-ส่งในสนามบินหลักทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย การทำแคมเปญเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดเมืองรอง ควบคู่ไปกับการขยายบริการเรียกรถไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว และผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค ทั้งนี้ในปี 2567 ยอดใช้บริการเรียกรถในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 138%

น.ส.จันต์สุดา กล่าวต่อว่า เรายังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี และนำเสนอนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ การอัปเกรดฟีเจอร์Group Order หรือบริการสั่งอาหารแบบกลุ่ม ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมียอดสั่งอาหารเติบโตขึ้น 2 เท่า, การปรับโฉมฟีเจอร์ Advance Booking หรือบริการจองล่วงหน้า มียอดใช้บริการพุ่งขึ้นถึง 60% ในช่วงเทศกาล, บริการ Dine Out Deals หรือการขายดีลพิเศษสำหรับการรับประทานที่ร้าน ซึ่งมียอดการใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 11 เท่า
ขณะเดียวกันยังได้นำเสนอทางเลือกใหม่ของบริการในราคาที่เข้าถึงได้ ผ่านการเปิดตัวบริการ GrabCar SAVER และ GrabBike SAVER ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก สะท้อนผ่านยอดใช้บริการที่เติบโตขึ้นมากกว่า 4 เท่า การเพิ่มตัวเลือก Delivery SAVER ในบริการสั่งอาหาร ซึ่งมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า รวมถึงการเปิดตัวซับแบรนด์ Hot Deals เพื่อนำเสนอดีลลดแรงจากร้านอาหารดังทั่วประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมาช่วยให้ผู้ใช้บริการประหยัดเงินรวมกว่า 2 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B) โดยเฉพาะบริการ GrabAds ที่ปรับรูปแบบจากการขายโฆษณาเป็นการนำเสนอโซลูชันการตลาดแบบสร้างสรรค์ เพื่อช่วยให้ลูกค้า และพันธมิตรธุรกิจสามารถสร้างแบรนด์ และยอดขายจากออนไลน์ไปสู่ออฟไลน์ รวมถึงบริการ Grab For Business ที่มีการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ จนมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 80%

น.ส.จันต์สุดา กล่าวอีกว่า ในปี 2568 แกร็บ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Lead with Purpose” มุ่งสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน และตอกย้ำบทบาทของแกร็บ ในฐานะผู้นำซูเปอร์แอป เพื่อยกระดับมาตรฐานของธุรกิจการเดินทาง และเดลิเวอรี ควบคู่ไปกับการสานต่อพันธกิจ GrabForGood ที่มุ่งใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับคนไทย
โดยมุ่งเน้นไปที่ 5 แนวทางหลักภายใต้กลยุทธ์ “S.M.A.R.T” ประกอบด้วย S: Sustainability มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สานต่อโครงการ Grab EV” ที่ส่งเสริมให้คนขับใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อลดผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมียอดการใช้รถ EV แล้วกว่า 1 หมื่นคัน นอกจากนี้ยังได้ทดลองโครงการ Grab Go Green อิ่มคุ้มช่วยโลกกับ GrabFood ที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสั่งอาหารในราคาพิเศษในช่วงก่อนปิดร้าน เพื่อช่วยลดขยะอาหารจากร้านค้า เป็นต้น, M: Market Expansion ขยายบริการให้เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน

A: Affordability นำเสนอทางเลือกของบริการในราคาที่เข้าถึงได้ โดยจะขยายบริการ GrabCar SAVER และ GrabBike SAVER ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากเดิมให้บริการเฉพาะหัวเมืองหลัก สำหรับบริการฟู้ดเดลิเวอรี ยังคงชูไฮไลท์ “Hot Deals” ดีลลดแรงจากร้านดังทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มจำนวนร้านที่เข้าร่วมโปรแกรม ควบคู่ไปกับการนำเสนอโปรโมชันตามช่วงเทศกาล หรือโอกาสพิเศษต่างๆ รวมถึงการชูแคมเปญใหญ่ อย่าง “GrabFood Mega Sale” ที่มอบส่วนลดจัดหนักสูงสุดถึง 80% พร้อมส่งฟรีให้กับผู้ใช้บริการทั่วประเทศ , R: Retention รักษาฐานลูกค้าและมัดใจคนขับ-พาร์ทเนอร์ร้านค้า และ T: Tech & Innovation พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน
น.ส.จันต์สุดา กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 แกร็บเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ อาทิ Advance Booking for Airport Pickups บริการจองรถล่วงหน้า ให้มารับที่สนามบิน ปัจจุบันทดลองให้บริการที่สนามบินภูเก็ต GrabExecutive บริการเรียกรถล่วงหน้าระดับพรีเมียม Book Table บริการจองร้านอาหารเพื่อทานที่ร้าน และล่าสุดพัฒนา QR Payment เพื่อเพิ่มทางเลือกการชำระเงินให้กับผู้ใช้บริการ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาให้กับคนขับที่อาจมีเงินสดสำรองไม่เพียงพอ ทั้งนี้ตลอดเวลาเกือบ 12 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แกร็บภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทย และมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม.