MG IM6 เป็นรถไฟฟ้า100% ที่นำเข้ามาจากประเทศจีน โดยในประเทศจีน จะใช้ชื่อว่า IM LS6 นั่นก็คือในจีนนั้นเป็นรถที่ขายในแบรนด์ IM ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ของค่าย SAIC จากเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยรถแบรนด์ IM เป็นการร่วมทุนกันพัฒนาระหว่าง SAIC กับ จางเหลียง ไฮเทค (ZhangiangHi-Tech) ซึ่งเป็นเหมือนกับอาณาจักรซิลิกอน วัลเลย์ ศูนย์รวมแห่งการพัฒนานวัตกรรมของประเทศจีน และ อาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) ผู้นำเรื่องธุรกิจยุคดิจิตัล เรียกได้ว่าการจับมือของทั้ง 3 เจ้านี้การันตีเรื่องการพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัย โดยการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย นั้นจะจัดจำหน่ายโดยเครือข่ายของรถยนต์แบรนด์ MG ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือของ SAIC ที่มีอยู่แล้วในบ้านเรานั่นเอง

IM6 ถือได้ว่าเป็นรถในพิกัด SUV แต่มาในรูปทรงแบบท้ายลาดหรือ คูเป้เอสยูวี ที่มีขนาดตัวใหญ่เอาเรื่อง คือยาวถึง 4,904 มม. กว้าง 1,988 มม. สูง1,669 มม.และมีความยาวฐานล้อมากถึง 2,950 มม. เรียกว่ารูปทรงนั้นหลอกตาเอามากๆ เพราะมองเผินๆเหมือนรถขนาดกลางทั่วไป

ตัวรถนั้นเส้นสายที่นุ่มละมุน แทบจะหาเหลี่ยมมุมไม่เจอ เป็นความแตกต่างที่ฉีกแนวไปจากรถในท้องถนนคันอื่นๆ โดยด้านรูปลักษณ์ภายนอก เรียกได้ว่า“สอบผ่าน”เพราะดูกลมกลืนละมุน สบายตา โดยจุดเด่นนั้นเห็นจะเป็นด้านท้ายโดยเฉพาะในส่วนของไฟท้ายที่ยาวซ้ายจรดขวา ที่มีชื่อว่าไฟท้ายแนวเส้นขอบฟ้า หรือ Skyline Taillights นั้นดูแล้วชวนให้นึกถึงรถสปอร์ตแบรนด์ แอสตัน มาร์ติน (Aston Martins)

ส่วนภายในนั้นก็เรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยการใช้ระบบสัมผัสทั้งหมด โดยเป็นการทำงานร่วมกันของจอภาพ2 รูปแบบคือ จอแสดงผลเหนือแดชบอร์ด นั้นเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงนอน ที่ยาวถึว 26.3 นิ้ว แบบไร้รอยต่อ!ส่วนอีกจอเป็นขนาด10.5 นิ้วทรงตั้งที่ตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางเป็นจุดสั่งงานระบบต่างๆ ใกล้มือควบคุมได้สะดวก ส่วนการเปลี่ยนเกียร์เดินหน้า-ถอยหลัง นั้นใช้คันเกียร์ที่ติดตั้งบริเวณคอพวงมาลัย

ด้านการออกแบบเบาะนั่งนั้นใช้การออกแบบสไตล์ POPO Sofa ที่เป็นทรงคล้ายก้อนขนมปัง เน้นความนุ่มนวล โดยภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมกับนวัตกรรมอุปกรณ์เสริมระบบแม่เหล็ก ที่เรียกว่า IM MAG HUB ที่สามารถนำเอาแอสเซสซอรี่ส์ (Accessories) ต่างๆมาติดภายในห้องโดยสารได้อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ กล่องใส่ของ ฯลฯ โดยมีตำแหน่งให้ติดได้ 5 ตำแหน่งในห้องโดยสาร โดยแนวคิดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ นี้เป็นความร่วมมือกันของสตูดิโอของ SAIC กับมหาวิทยาลัยแห่งศิลปะแห่งกรุงลอนดอน (University of Art London) ที่อ้วนซ่า เองก็เป็นศิษย์เก่าสถาบันแห่งนี้เมื่อยุค 90 เหมือนกัน

ในด้านความนุ่มนวลยังไม่จบแค่นี้ เพราะในรุ่นท็อป 2 มอเตอร์ มันยังมาพร้อมกับช่วงล่างระบบถุงลม หน้า-หลัง แบบอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ที่สามารถยกสูงต่ำได้ ส่วนผู้ที่กังวลว่ารถคันใหญ่จะขับยาก ต้องบอกว่าผู้พัฒนารถคันนี้ใส่อุปกรณ์ไฮเทคมาแบบไม่กั้ก!เพราะมันยังมาพร้อมกับ ระบบเลี้ยว4 ล้ออัจฉริยะ( Intelligent 4 Wheel Steering) ที่สามารถวิ่งไถลแทยงมุมด้านข้างแบบปู ได้ (CRAB Mode) รวมถึงสามารถจอดขนานแบบอัตโนมัติ และถ้าเจอช่องจอดที่แคบเกินกว่าที่จะลงจากรถได้ ก็สามารถสั่งงานให้รถจอดเข้าซองได้ โดยที่เราสามารถสั่งงานจากภายนอกรถได้อีกด้วย

ด้านสเปคขุมกำลัง มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่นคือ รุ่นพรีเมี่ยม มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง 295 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง กับสถาปัตยกรรม 400 โวลต์ รองรับระยะทางวิ่งได้ 550 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

อีกรุ่นนั้นเป็นรุ่น เฟอร์ฟอร์มานซ์ (Performance AWD) มอเตอร์คู่ขับเคลื่อนทุกล้อ ที่มีพละกำลังมหาศาลคือ787 แรงม้า!แรงบิดสูงสุดถึง 802 นิวตัน-เมตร! กับอัตราระดับปวดหัวคือ 0-100 ใน 3.48 วินาที กับความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. มาพร้อมแบตเตอรี่100 กิโลวัตต์ชั่วโมง กับสถาปัตยกรรม800 โวลต์ ที่ชาร์จได้รวดเร็ว รองรับระยะทางวิ่งได้634 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

และจากการได้ทดลองขับพอหอมปากหอมคอเพื่อให้รู้ฟังก์ชั่นใส่ให้มามีความน่าสนใจ ทางเอ็มจีได้นำรถมาให้พิสูจน์ แม้ว่ารถมีขนาดใหญ่แต่รัศมีวงเลี้ยว 5.09 เมตร ทำให้ขับเลี้ยวและเข้าออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังลองฟังก์ชั่นการถอยจอดและขับออกสามารถทำง่ายๆด้วยปลายนิ้วสัมผัสกับระบบ One Touch iAD ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง ด้วย Crab Mode ที่ปรับมุมทั้ง 4 ล้อแล้วสไลด์เข้าจอดได้อย่างง่ายดายและทำได้รวดเร็วแม่นยำด้วยรวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน

ระบบการขับขี่ 6โหมด ได้แก่ Eco / Comfort / Sport / Snow / Custom และ Super Eco ซึ่งจะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรี่มาใช้อีก 80 กิโลเมตร สำหรับในยามฉุกเฉิน ด้านระบบช่วงล่างแบบถุงลมอัจฉริยะปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับความสูงปกติ ปรับเตี้ยลง 5 เซนติเมตร และปรับสูงขึ้น 2 เซนติเมตรพร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่ อย่างไรก็ตามส่วนตัวชอบและตื่นเต้นกับระบบแสดงผลในที่มืดและฝนตก ที่จำลองด้วยการนำผ้าดำมาคลุมรถเหมือนมองถนนไม่ชัดระบบผสานการทำงานของกล้องรอบคัน ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ

ต้องยอมรับว่าเอ็มจี ไอเอ็ม6 เป็นรถไฟฟ้า 100% อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เชื่อว่าจากรูปร่างหน้าตาน่าจะถูกอกถูกใจใครหลายคน แถมฟังก์ชั่นใส่มาไม่ธรรมดา โดยเอ็มจีได้ประกาศราคารุ่น Premium 2WD อยู่ที่ 1.3999 ล้านบาท และรุ่น Performance AWD ราคา 1.7999 ล้านบาท.