สิวที่หน้าผาก ปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อยจนดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไรน่าห่วง แต่รู้หรือไม่ว่า สิวตรงจุดนี้อาจมีสาเหตุที่แตกต่างไปจากที่อื่น ๆ บางครั้งมันอาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างจากร่างกายของเรา การที่สิวขึ้นหน้าผากอาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน ความมันส่วนเกิน หรือแม้แต่พฤติกรรมบางอย่างที่เราทำในชีวิตประจำวัน มาเจาะลึกถึงต้นตอ พร้อมวิธีรักษาที่ได้ผลกันเถอะ ว่าคุณจะต้องทำอย่างไรเพื่อกลับมามีผิวหน้าสดใสอีกครั้ง


สิวขึ้นหน้าผาก เกิดจากอะไร? 

หลายคนอาจคิดว่าสิวบนหน้าผากเกิดจากแค่แชมพูหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แต่จริง ๆ แล้ว มันมีหลายปัจจัยที่เราอาจคาดไม่ถึง ลองมาดูกันว่าตัวการกวนใจเหล่านี้มีอะไรบ้าง

  • ฮอร์โมน: เพี้ยนเปลี่ยนไว กระตุ้นสิว
    สิวหน้าผากบางทีก็เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมนในร่างกาย แล้วไปส่งผลต่อการผลิตน้ำมัน (sebum) มากเกินไป จนอุดตันรูขุมขน กักขังสิ่งสกปรกจนเกิดเป็นสิว
  • ความเครียด: ตัวกระตุ้นน้ำมันส่วนเกิน
    เครียดทีไร สิวก็ขึ้นทุกที นั่นเพราะเวลาร่างกายเครียด จะหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้ไปกระตุ้นให้ ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น และถ้าน้ำมันเยอะเกินไปจนระบายออกไม่ทัน รูขุมขนก็อุดตัน  สิวก็ขึ้น
  • นอนน้อย: สิวถามหา
    นอนดึก นอนไม่พอ ไม่ใช่แค่ทำให้หน้าโทรม แต่ยังทำให้สิวขึ้นอีก เพราะ Growth Hormone ที่มีหน้าที่ฟื้นฟูผิวจะทำงานได้น้อยลง ผิวซ่อมแซมตัวเองไม่ทัน แถมยังทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ส่งผลให้แบคทีเรียในรูขุมขนเติบโตเร็วขึ้น นี่แหละทำไมนอนดึกแล้วสิวเห่อ
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผม: อุดตันจนผิวหายใจไม่ออก
    ใครใช้ครีมทาหน้า แชมพู ครีมนวด หรือสเปรย์จัดแต่งทรงผมที่มีน้ำมัน, ซิลิโคน หรือสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน ต้องระวัง เพราะเป็นตัวกระตุ้นสิวได้ 
  • สัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ: เชื้อโรคแพร่กระจาย
    ใครชอบจับหน้า เอามือแตะหน้าผากบ่อย ๆ รีบเก็บมือด่วน เพราะมือเราเต็มไปด้วยเชื้อโรคและแบคทีเรีย พอสัมผัสผิวหน้าซ้ำ ๆ ก็เพิ่มโอกาสทำให้สิวขึ้นแบบไม่รู้ตัว
  • อาหารบางชนิด: ตัวดีที่ทำให้สิวเห่อ!
    ชานมไข่มุก ขนมหวาน ของทอดมัน ๆ คือของโปรดของสิว เพราะจะไปกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย และทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
  • สวมหมวก/ ใส่แมสก์: เสียดสี สะสมเชื้อโรค
    การใส่หมวก สวมแมสก์บ่อย ๆ อาจทำให้เกิดการเสียดสีและอุดตันรูขุมขน โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านี้เป็นประจำ สิ่งสกปรกก็จะสะสมและทำให้สิวขึ้นหน้าผากแบบไม่รู้ตัว


ตำแหน่งสิวที่หน้าผากบอกอะไร? ไขรหัสสุขภาพจากหน้าผากของคุณ

ในทางการแพทย์เชื่อว่า “สิวขึ้นหน้าผาก” อาจบ่งชี้ถึงปัญหาระบบย่อยอาหาร เช่น กรดไหลย้อน หรือปัญหาที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารที่ทำให้ร่างกายสะสมสารพิษ จึงส่งผลให้เกิดสิวขึ้นบริเวณหน้าผาก 


วิธีรักษาสิวหน้าผากแบบตรงจุด

เพื่อให้สิวหน้าผากหายวาร์ปไปกับตาโดยไม่ทิ้งรอยดำ หรือเสี่ยงเกิดรอยแผลเป็นตามมา ฉะนั้นต้องปรับพฤติกรรมการกิน การนอนหลับต่อวัน และเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมจริง ซึ่งทำตามได้ไม่ยากดังนี้

  1. สกินแคร์: ต้านอักเสบและคุมมัน

หลายคนอาจทราบกันแล้วว่า ผลิตภัณฑ์ลดสิวยอดนิยมในไทยมักมีส่วนผสมจาก Tea Tree Oil และ Witch Hazel ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่อ่อนโยน แต่ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยในการรักษาสิวหน้าผากได้ดีเช่นกัน วันนี้จึงขอนำเสนอสูตรต่าง ๆ ที่สามารถเลือกใช้ได้ ดังนี้

สูตรควบคุมความมัน

  • Salicylic Acid (BHA)
  • Niacinamide

สูตรลดสิว ลดอักเสบ

  • Tea Tree Oil
  • Sulfur
  • Benzoyl Peroxide

สูตรเพิ่มความชุ่มชื้น

  • Hyaluronic Acid
  • มอยเจอไรเซอร์สูตร Non-Comedogenic

สูตรปรับสมดุล pH ของผิว

  • Toner pH 5.5 

ผลิตภัณฑ์กันแดด

  • สูตร Oil-Free

  1. กินดี: ลดสิวผิวสวย

การเลือกทานอาหารที่ดีและเหมาะสมสามารถช่วยลดการเกิดสิวและช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้นได้ค่ะ ต่อไปนี้คือ “อาหารที่ควรกิน” และ “อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง” เพื่อลดสิวหน้าผาก

อาหารที่ควรกิน

  • โอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า และเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) เป็นต้น 
  • วิตามิน A และ C เช่น แครอท, ส้ม, คะน้า, ตับไก่ และตับหมู เป็นต้น
  • โปรไบโอติกส์ เช่น  โยเกิร์ต, กิมจิ และซาวเคราท์ (Sauerkraut เป็นต้น
  • สังกะสี (Zinc) เช่น หอยนางรม, ถั่วลิสง และงา เป็นต้น

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

  • มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน, ขนมปังขาว และเครื่องดื่มอัดลม เป็นต้น
  • ไขมันทรานส์ (Trans Fats) เช่น ขนมอบสำเร็จรูป, คุกกี้ และมันฝรั่ง ทอด เป็นต้น
  • อาหารแปรรูปที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป, อาหารกระป๋อง และขนมกรุบกรอบ เป็นต้น
  1. กดสิว/ฉีดสิว/เลเซอร์: ปิดประตูสิวหน้าผากด้วยมือหมอ

สิวเรื้อรัง เป็นนาน หายช้า แนะนำให้หยุดใช้ยาที่ซื้อมาใช้เองทั้งหมด และเดินหน้าเข้าคลินิกที่มีคุณหมอผิวหนังคอยให้คำปรึกษาและลงมือรักษาเอง ซึ่งวิธีรักษาที่คุณหมอนิยมใช้รักษาจะมี กดสิวเสี้ยน (Comedone Extraction), ฉีดสิวอักเสบ โดยใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) หรืออาจใช้เลเซอร์รักษาสิวและฟื้นฟูผิวร่วมด้วย


รักษาสิวเอง VS ไปหาหมอ แบบไหนดีกว่ากัน?

หากคิดไม่ตกว่าจะลองรักษาสิวเองหรือไปหาหมอผิวหนังดี?  ต้องอธิบายแบบนี้ว่า มันขึ้นอยู่กับความหนักเบาของสิวที่เรากำลังเจอจริง ๆ ดังนั้นมาลองดูข้อดี-ข้อเสียของแต่ละทางเลือกกันก่อนดีไหม? เผื่อจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

รักษาสิวเอง

ข้อดี

  • สะดวกสบายและประหยัด
    ไม่ต้องนัดคิวหรือจ่ายแพง แค่เปิดตู้เย็นหรือชั้นเก็บสกินแคร์ ก็จัดการได้ทันที
  • เลือกเองได้
    คุณสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับตัวเอง เช่น ครีมที่ชอบ, แบรนด์ที่รัก หรือวิธีธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกดี 
  • เป็นส่วนตัว
    ไม่ต้องไปพบหมอ หรือกังวลว่าจะถูกถามว่า “สิวเยอะจังเลยนะ” 

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์ช้า
    รักษาด้วยตัวเองบางทีอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ยิ่งช่วงแรก ๆ อาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเลย
  • เสี่ยงใช้ผิด
    บางครั้งเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้สิวพุ่ง ลุกลามกว่าเดิม
  • ไม่ใช่ทางออกสำหรับทุกคน
    ถ้าสิวเรื้อรัง เป็นหนัก ร้อยทั้งร้อยรักษาด้วยตัวเองอาจไม่เพียงพอ

ไปหาหมอผิวหนัง

ข้อดี

  • รู้สาเหตุและทางแก้ที่ถูกต้อง
    หมอจะตรวจและแนะนำวิธีที่เหมาะกับสภาพผิวเรา เช่น เลือกใช้ยาหรือทรีตเมนต์ดีกว่ากัน
  • ผลลัพธ์หายเร็วขึ้น
    แพทย์สามารถให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สิวหายเร็วขึ้นและลดการเกิดแผลเป็น
  • ปลอดภัยและมั่นใจ
    หมอผิวหนังจะเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรา ไม่ต้องกังวลว่าจะทำร้ายผิว

ข้อเสีย

  • ค่าใช้จ่าย
    การไปหาหมออาจจะต้องใช้เงินเยอะหน่อย แต่ถ้าคิดว่ามันคุ้มกับการรักษาสิวที่ดีขึ้น ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
  • เสียเวลา
    ต้องนัดวันนัดเวลากว่าจะได้เจอหมอ บางทีต้องรอนาน หรือบางคนต้องใช้เวลาเดินทาง
  • วิธีการรุนแรง
    บางครั้งหมออาจจะใช้ยาที่แรงหรือการรักษาที่มีผลข้างเคียง ถ้าทำไม่ได้ตามคำแนะนำ อาจให้ผลลัพธ์ไม่คุ้ม

รวมเคล็ดลับป้องกันสิวขึ้นหน้าผาก ไม่ต้องมาแก้ทีหลัง!

หากใครที่รักษาสิวหายเกลี้ยงแล้ว ก็อย่าหลงคิดว่ามันจะไม่ผุดขึ้นมาอีกครั้ง แนะนำให้ดูแลผิวด้วยวิธีป้องกันสิวขึ้นหน้าผาก ที่ทำได้ง๊ายง่าย ดังนี้

  1. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ
    เริ่มต้นเช้า-เย็นกับด้วยการล้างหน้าก็ช่วยได้เยอะเลยนะ แล้วอย่าลืมคลีนเซอร์ที่ดีจะช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรกที่สะสมมาตลอดวัน แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับผิวของเรา ไม่ให้แห้งเกินไปด้วยละ
  1. เลือกสกินแคร์ที่เหมาะสม
    ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมัน และป้องกันการอุดตันในรูขุมขน เช่น เซรั่มหรือครีมที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid หรือ Niacinamide ปรับสมดุลผิวแถมกระชับรูขุมขนได้ดีอีกด้วย
  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าผากบ่อย ๆ
    มือและไรผมที่หมักหมมแบคทีเรียและสิ่งสกปรกมาทั้งวันเนี่ยแหละตัวดี  ดังนั้นหยุดให้พวกมันไม่ให้ไปสัมผัสหน้าผากเถอะนะ 
  1. ทาครีมกันแดดทุกวัน
    กันแดดช่วยป้องกันผิวจากแสง UV ที่เป็นตัวการไปกระตุ้นให้เกิดสิว แนะนำให้ใช้กันแดดสูตรที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (Non-Comedogenic)
  1. ผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ
    ใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันในรูขุมขน

สิวขึ้นหน้าผาก เป็นสัญญาณของความบกพร่องในการดูแลผิว และอาจเกิดจากระบบภายในระบบย่อยที่ทำงานผิดปกติ ดังนั้นถ้าลองเปลี่ยนสกินแคร์ เลือกกินอาหารดี ๆ นอนไวขึ้น ดื่มน้ำเยอะ ใช้ยาลดสิวที่เหมาะสม ก็น่าจะช่วยรักษาให้สิวหายได้ แต่ถ้ายังไม่ได้ผล ขอให้ทางเลือกการรักษาถัดไปคือการไปหาหมอนะ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง ใช้เทคนิครักษาที่ตรงจุด ทีนี้แหละสิววุ่นวายที่รบกวนหน้าสวย-หล่อ จะหายไปได้อย่างแน่นอน