พบว่า ธุรกิจกว่า 76% ในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ต่างตระหนักดีว่าศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้ ทว่าท่ามกลางโอกาสและความคาดหวังที่มีต่อเทคโนโลยีเหล่านี้ ยังคงมีความท้าทายในอีกแง่มุมหนึ่งที่ต้องเผชิญ บทบาทเอเชียขับเคลื่อนความยั่งยืนด้วย AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง

จากผลสำรวจล่าสุดเผยให้เห็นว่า ตลาดเอเชียกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการใช้ AI และคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมีอัตราการตอบรับสูงถึง 83% ซึ่งสูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นยุโรป (61%) หรือตะวันออกกลาง (45%) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ (91%) สิงคโปร์ (84%) อินโดนีเซีย (84%) และไทย (82%) ต่างก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความยั่งยืน

แม้ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะมีศักยภาพขับเคลื่อนความยั่งยืนเป็นอย่างมาก แต่ผลสำรวจอีกด้านหนึ่งกลับชี้ให้เห็นว่า องค์กรจำนวนมากยังขาดความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลอื่น ๆ ในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชีย มีช่องว่างด้านความเข้าใจสูงถึง 63% เมื่อเทียบกับยุโรปและตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ องค์กรส่วนใหญ่ยังรู้สึกว่าตนเองกำลังล้าหลังในการนำ AI และคลาวด์คอมพิวติ้งมาใช้เพื่อเร่งการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยความกังวลดังกล่าวปรากฏชัดในสิงคโปร์และฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งเสริมการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน

กว่า 52% องค์กรทั่วโลกมองว่า AI และแมชชีนเลิร์นนิ่ง ถือเป็นเทคโนโลยีหลักในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ซึ่งเห็นได้ชัดอย่างในทวีปยุโรปที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดังกล่าวมากที่สุดในขณะที่ตลาดเอเชียให้ความสำคัญกับทั้ง AI/ML และคลาวด์คอมพิวติ้งควบคู่กันไป

อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจาก AI ก็นับว่าเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอย่างแพร่หลาย โดย 61% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกยังคงกังวลว่า AI อาจใช้พลังงานมากเกินไปจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการนำไปใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ที่มีความกังวลในประเด็นนี้มากที่สุด

ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น ธุรกิจจำนวนมากจึงให้ความสำคัญกับการเลือกใช้บริการเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยธุรกิจกว่าครึ่งให้ความสำคัญกับการเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ที่มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน ซึ่งปัจจัยหลักที่นำมาพิจารณาในการตัดสินใจ ได้แก่  การมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ประหยัดพลังงาน (46%), การใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงาน (41%) และการมีนโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (42%)

สำหรับประเทศไทย พบว่า 51% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด.