เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 68 รศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ว่าด้วยการจำกัดวีซ่าของ US State Department
มาตราการของ Marco Rubio (รมว.ต่างประเทศสหรัฐ) จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ว่าจะเกิด เพราะว่าสหรัฐ ก็ทำอย่างนี้อยู่เนืองๆ เช่น จำกัดวีซ่าผู้บริหารฮ่องกงตอนเกิดเหตุรุนแรงปี 2019 จำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นซินเจียงบางคน ตัว Rubio เองก็เคยโดนจำกัดวีซ่าจากจีนเมื่อสมัยที่ร่วมรัฐบาล Trump เมื่อรอบที่แล้ว
แต่สิ่งนี้ไม่เรียกว่า “คว่ำบาตร” อเมริกาไม่ได้คว่ำบาตรจีน ไม่ได้คว่ำบาตรฮ่องกง จีนไม่ได้คว่ำบาตรอเมริกาด้วยการไม่ให้วีซ่า Rubio ในรัฐบาล Trump รอบที่แล้ว ปธน. สีจิ้นผิง รมว.ตปท. หวังอี้ ก็ยังไปอเมริกาได้ตามปกติ
เรารอดูก่อนมั้ยว่าหวยจะออกที่ใครบ้าง ในประกาศ กต. สหรัฐ ยังไม่ระบุชื่อใครเลยชัดๆ ถ้าถามเราคิดว่าไม่แปลกที่การตัดสินใจส่งอุยกูร์กลับมันควรต้องมี consequence บ้าง รองฯ ภูมิธรรม (ซึ่งเป็น รมว.กลาโหม ด้วย) ก็ควรต้องโดน แต่ไม่น่าแบนไปถึงท่านนายกฯ เพราะว่าสหรัฐ ก็ยังต้องการดึงไทยและอาเซียนออกมาจากจีนให้มาเข้าข้างสหรัฐฯ ถ้าแบนคนที่จะเจรจาได้ไปหมด (นายกฯ รมว.ตปท.) ก็เท่ากับเป็นการผลักให้ไทยไปเข้าข้างจีนยิ่งกว่านี้ แต่การแบนเฉพาะบางคนจะเป็นสัญญาณได้ว่าสหรัฐ ไม่โอเคกับความโปรจีนของผู้นำระดับสูงในรัฐบาลไทยขนาดนี้ และจะทำให้การเจรจาขึ้นภาษีมีน้ำหนักมากขึ้น และฝ่ายไทยจะมีแรงกดดันให้ decouple กับจีนมากขึ้น
เข้าใจว่าคนที่เกลียดรัฐบาลจะสะใจกับเรื่องนี้ แต่ควรจะตระหนักไว้ด้วยว่าการออกมามี statement อะไรเว่อร์ๆ แบบ “สหรัฐคว่ำบาตรไทย” นี่มันไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย ถ้ารัฐบาลไทยเลือกตัดขาดกับสหรัฐ แล้วไปคบกับจีนประเทศเดียวแบบ exclusively เนี่ย นอกจากจะไม่ได้ทำให้พิธาเป็นนายกฯ แล้ว ประชาชนจะลำบากมากๆ ด้วย เผลอๆ ปี 70 จะไม่ได้เลือกตั้งอีก เพราะเราจะได้ออกจากเส้นทางประชาธิปไตยตามจีนไปแล้ว ดังนั้นขอความกรุณาโพสต์ใน social media อย่างรับผิดชอบหน่อย you know who you are ไม่คิดว่าจำเป็นต้องแขวน