เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมีมติเห็นชอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคได้ โดยขณะนี้มี 2 ชนิด คือวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีการนำร่องไปเมื่อปี  2567 และในปี 2568 วัคซีนพีวีซี (PVC) ป้องกันปอดอักเสบในเด็ก ซึ่งก็จะแจ้งไปที่องค์กรปกครองส่วนจังหวัด (อบจ.) เพื่อให้พิจารณาภายใต้หลักการคือ อบจ. มีความพร้อมด้านงบประมาณและระบบบริหารจัดการ โดยให้ อบจ. ดำเนินการจัดซื้อเองตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดซื้อจัดจ้าง เมื่อดำเนินการ จะส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น

นพ.นคร กล่าวอีกว่า อย่างเช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เป็นวัคซีนทางเลือก โดยรัฐจัดหาและฉีดให้ฟรีใน 7 กลุ่มเสี่ยงที่กำหนด และเป้าหมาย 10 ล้านคน แต่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดซื้อวัคซีน 4.5 ล้านโด๊ส ฉีดได้ 4.5 ล้านคน ส่วนที่ยังขาดเกือบ 5.5 ล้านคน ควรจะมีงบประมาณเข้ามาสนับสนุน ดังนั้น ถ้าอบจ.เห็นช่องว่างตรงนี้แล้วตรวจสอบข้อมูลจำนวนวัคซีนที่ต้องการและยังขาดอยู่ของพื้นที่ แล้วจัดงบประมาณของ อบจ. เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อให้มีความครอบคลุมของวัคซีนมากขึ้นได้ ซึ่งเมื่อปี  2567 มีการนำร่องอบจ.ที่สนใจและมีความพร้อมดำเนินการ 2 แห่ง คือ อบจ.ปทุมธานี จำนวน 200,000 โด๊ส และ อบจ.ชลบุรี  จำนวน 12,000 โด๊ส และจากที่มีการหารือ ก็จะมีจำนวนอบจ. มาดำเนินการเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงก่อนที่ดำเนินการนั้น เป็นช่วงรอยต่อของการเลือกตั้ง 

“การจัดซื้อวัคซีนโดย อบจ. แต่ละแห่ง อาจจะทำให้ราคาที่จัดซื้อสูงกว่าที่ สปสช. เล็กน้อย ก็เป็นไปตามจำนวนที่มีการจัดซื้อ ถ้าซื้อจำนวนมากลอตใหญ่แบบที่ สปสช. จัดซื้อ ก็ลดราคาได้มาก ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่ผ่านมา ก็เสนอว่าให้มีการจัดซื้อโดย สปสช. ให้จำนวนโด๊สมากขึ้น เพื่อให้เหลือจำนวนโด๊สที่จะซื้อเติมเต็มโดย อบจ. ลดลง และหาก สปสช. จัดงบประมาณเข้ามาจัดซื้อเติมเต็มอย่างเพียงพอแล้ว ส่วนที่จะมีการซื้อแยกราย อบจ. จะลด แต่ตอนนี้งบประมาณจาก สปสช. ยังมาไม่เต็มจำนวน ก็เป็นโอกาสว่าหาก อบจ. มีงบประมาณ และในพื้นที่มีความต้องการฉีดวัคซีน ก็จะไปแก้ปัญหาของพื้นที่ได้มาก” นพ.นคร กล่าว 

นพ.นคร กล่าวอีกว่า สำหรับวัคซีนพีวีซี เป้าหมายจะฉีดให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทุกราย ประมาณ 3 ล้านคน โดยมีการเสนอเรื่องการจัดหาวัคซีนมาฉีดไปที่ สปสช. แล้ว โดยอนุกรรมการสิทธิประโยชน์เห็นชอบแล้ว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อนำมาจัดซื้อของอนุกรรมการบริหารจัดการงบประมาณ โดยในเชิงวิชาการ ดำเนินการครบถ้วนหมดแล้ว ทั้งในเรื่องความเหมาะสม ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากวัคซีน ก็อยากให้วัคซีนเข้าสู่แผนงานโดยเร็ว ทั้งนี้ หากอบจ.ที่มีความพร้อมและมีความต้องการในพื้นที่ ก็สามารถดำเนินการจัดซื้อวัคซีนตัวนี้ได้ 

“วัคซีนพีวีซีเริ่มฉีดได้ตั้งแต่ขวบปีแรก จำนวน 3 เข็ม ในช่วงอายุ 2 เดือน, 4 เดือน, 12 เดือน โดยเป็นวัคซีนป้องกันปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส ซึ่งหากเด็กติดเชื้อนี้ โอกาสที่ปอดอักเสบรุนแรงจะมีสูง เป็นปอดบวม โอกาสเสียชีวิตก็สูง เพราะยังเป็นเด็กเล็ก” นพ.นคร กล่าว.