จากกรณี โครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำและเขื่อนป้องกันตลิ่ง 8 โครงการ งบประมาณรวม 545 ล้านบาท ในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอกมลาไสย และอำเภอฆ้องชัย ที่ชาวบ้านขนานนามว่า “โครงการ 7 ชั่วโคตร” ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยสภาพพื้นที่ก่อสร้างถูกปล่อยทิ้งร้าง ไร้การดูแลเอาใจใส่ ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ที่การก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักถูกปล่อยทิ้งไว้ เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งในช่วงงานมหกรรมโปงลาง แพรวาและกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เร่งตรวจสอบเอกสารจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะผู้บริหารสัญญา พบข้อพิรุธหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้รับจ้างในช่วงโควิด-19 โดยไม่ให้มีค่าปรับ ทั้งที่พบหลักฐานการใช้ ว.1459 เข้าช่วยเหลือ ซึ่ง สตง. กำลังเร่งตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน เพื่อหาผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ได้มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.นพวรรณ แก้วใส นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการประจำสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ฐานหมิ่นประมาท กรณีส่งหนังสือเชิญสื่อมวลชนรายงานข่าวการแจ้งความร้องทุกข์ของบริษัทเอกชน โดยเห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเครื่องมือของเอกชนที่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์

สำหรับโครงการก่อสร้าง “7 ชั่วโคตร” นี้ ดำเนินการโดย 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) คือ หจก.ประชาพัฒน์ และ หจก.เฮงนำกิจ ซึ่งไม่สามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จได้ตามสัญญา ส่งผลให้กรมบัญชีกลางขึ้นบัญชีดำ และ สตง. รวมถึง กมธ.ป.ป.ช. กำลังเร่งตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย.