จากนั้นเวลา 19.43 น. วันที่ 14 มี.ค.ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงาน MFC’s 50th Anniversary_The World’s Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต“ และจะร่วมเสวนาในหัวข้อ “โอกาสและอนาคตของการลงทุน” โดยในช่วงแรกเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นในหัวข้อ “โอกาสและอนาคตของการลงทุน” ซึ่งพิธีกรตั้งคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกเรา และการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลกและภูมิภาค ในความคิดคุณคืออะไร 

ด้านนายทักษิณ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้คำมั่นสัญญามุ่งมั่นอยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แบบกระจายศูนย์( Blockchain )และสกุลเงินดิจิทัล(คริปโทเคอร์เรนซี) ซึ่งเชื่อว่าเรามีความพร้อมและสามารถบรรลุเป้าหมายได้  รวมถึงยังวางแผนจะมีแซนด์บ็อกซ์ที่จ.ภูเก็ต โดยใช้คริปโทเคอร์เรนซีเป็นสกุลเงินในการแลกเปลี่ยน รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล( Stablecoin) ของคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยการรองรับจากพันธบัตรรัฐบาล และเตรียมแผนตรงนี้ไว้ ภายใน 3 เดือน ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทุกคนจะเห็นภายในปีนี้แน่นอน

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้กลับประเทศ ได้พูดคุยกับหลายคนที่อยากมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์  และเอไอ ตนมั่นใจว่าไทยมีความสามารถและสามารถดึงดูดนักลงทุนได้ แต่ผู้จะมาลงทุนในประเทศไทยส่วนหนึ่งก็ได้มีการถามถึงพลังงานสีเขียว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้ราคาพลังงานในประเทศไทยถูกลงให้ได้ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดพลังงานสีเขียวราคาต่ำ

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนมีความฝันอยากให้คนไทยมีความรู้ด้านเอไอ ภายใน 10 ปีนี้ เพราะเอไอมีอิทธิพลและบทบาทในชีวิตของเรามาก ใช้ ตนพยายามหาวิธีว่าไทยสามารถปรับเอไอมาใช้อย่างไรได้บ้างให้เท่าทันโลก เช่น โรงพยาบาลเขต มีหมอ 1 คน ต่อไปอาจเห็นเอไอช่วยหมอวินิจฉัย ประเมินโรคในบางพื้นที่ คิดว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ และไม่ต้องรอ เราต้องเริ่มในวันนี้

จากนั้นเป็นคำถามของผู้ที่มาร่วมงาน โดยนายทอม เครือโสภณ ได้สอบถามเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ในไทย  ซึ่งนายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้มีพลังงานนิวเคลียร์หลากหลาย ซึ่งเทคโนโลยีนี้ค่อนข้างใช้เยอะแล้ว เช่น ในจีน ญี่ปุ่น แต่ก็ยังแพงอยู่ สำหรับพลังงานสีเขียว เช่น โซล่าร์เซลล์ ถือว่าต้นทุนพลังงานลดลงไปมากแล้ว อาจจะเหลือ 1 บาทด้วยซ้ำ ถ้าเราสามารถใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น โดยที่ต้นทุนต่ำ และใช้น้ำมัน ถ่านหิน น้อยลง ตนคิดว่าจะทำให้ต้นทุนลดต่ำลงอีก 6-7 เซนต์ (สกุลเงินต่างประเทศ) แต่ขณะเดียวกันเรื่องการบริหารจัดการไฟฟ้า เราจะต้องเพิ่มการใช้ สมาร์ทกริด (Smart Grid) มากขึ้น คือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน

เมื่อถามถึงเรื่องค่าไฟจาก 11 เซนต์ เป็น 3 เซนต์ จะมีวิธีการลดต้นทุนพลังงานอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ทั่วโลกเวลาพูดถึง 2 เซนต์ เราต้องมีแผนการเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถแข่งขันได้ แต่มันไม่ง่าย เพราะตอนนี้เราต้องใช้พลังงานจากถ่านหิน และนำเข้า แต่ก็ไม่พอเพราะฉะนั้นต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติ  ทำให้ต้นทุนพลังงานสูง และปัจจุบันเราต้องใช้รูปแบบนี้ แต่โซลาร์เซลล์ก็ดีขึ้น แต่ต้องวางแผน และคิดแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้ลดต้นทุนได้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งปัจจุบันสิ่งที่ทำได้ 8 เซนต์น่าจะเป็นไปได้ 2 เซนต์น่าจะอีกไกล แต่ 11 เซนต์ไป 8 เซนต์ เราจะทำให้ได้  ไม่เช่นนั้นเราจะแข่งขันกับใครไม่ได้เลย เพราะหลายประเทศอยากมาลงทุน ตนได้คุยกับหลายบริษัท 6 -7 เซนต์ยอมรับได้ แต่มันต้องลดให้เหลือ 2.50 บาทตอนนี้ 4.12 บาท ตอนนี้ต้องมีแผนการ.