มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่า การดื่มเบียร์เยอะ ๆ ทำให้ “ลงพุง” แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีรายงานข่าวว่า “พุง” ไม่ได้เกิดจากการดื่มเบียร์โดยตรง แต่เป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน แม้ว่าเบียร์จะมีแคลอรี แต่การดื่มเบียร์เพียงอย่างเดียว มักไม่เพียงพอที่จะทำให้ไขมันสะสมในช่องท้องได้
“พุง” เกิดขึ้นได้อย่างไร?
สาเหตุของการมี “พุง” เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต และพฤติกรรมการกิน ที่ทำให้ได้รับพลังงานมากกว่าที่ใช้ไป ซึ่งนำไปสู่ “โรคอ้วนลงพุง”
คนที่ดื่มเบียร์เป็นประจำมักจะกินอาหารที่มีแคลอรีสูงร่วมด้วย เช่น บาร์บีคิว ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ ฯลฯ ซึ่งทำให้อ้วนลงพุงได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ระหว่างที่ร่างกายเกิดกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ จะมีการชะลอการเผาผลาญไขมัน ทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น และสะสมในช่องท้องมากขึ้น
พันธุกรรมก็มีผลเช่นกัน บางคนมีแนวโน้มที่ไขมันจะสะสมในช่องท้องได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี เช่น กินเยอะ แต่ขาดการออกกำลังกาย และชอบนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ ก็ทำให้มีพุงได้

“พุง” มีอันตรายอะไรบ้าง?
“พุง” ไม่ได้ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม โรคอ้วนลงพุงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย อาทิ
โรคหัวใจและหลอดเลือด: หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด และต้องรับภาระไขมันส่วนเกิน เมื่อเวลาผ่านไป ความเสี่ยงของโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมองก็จะเพิ่มขึ้น
โรคเบาหวาน: ไขมันในช่องท้องที่มากเกินไป จะลดความไวของร่างกายต่ออินซูลิน ทำให้มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากขึ้น
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ: ไขมันในช่องท้องที่มากเกินไป จะกดทับทางเดินหายใจ ทำให้หยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ในกรณีที่รุนแรง!
โรคข้อเข่าเสื่อม: น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ข้อต่อรับแรงกดมากขึ้น เร่งการสึกหรอของข้อต่อ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม
สรุปได้ว่า หากไม่อยากมี “พุง” ต้องรักษานิสัยการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ ไม่กินมากเกินไป ออกกำลังกายเป็นประจำ ส่วนคนที่ชอบดื่มเบียร์นั้น ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีพุง หากออกกำลังกายเป็นประจำ และไม่กินกับแกล้มมากเกินไป
ที่มาและภาพ : sohu, freepik