กำลังเป็นที่จับตามองพร้อมถูกยกให้เป็นหนุ่มฮอตอย่างมากขณะนี้ สำหรับ “เอม ภูมิภัทร ถาวรศิริ” ที่ถูกยกให้เป็นเจ้าพ่อโรงหนัง เพราะเนื่องจากมีผลงานภาพยนตร์ให้แฟนๆ ได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละเรื่องหนุ่มเอมก็ตีบทแตกจนทำให้แฟนคลับอินตามกับบทบาทที่เจ้าตัวได้รับ ซึ่งล่าสุดในงานบวงสรวงภาพยนตร์ไทยระทึกขวัญเรื่อง “Delivery Man (เดลิเวอรี่ แมน)” หนุ่มเอม ก็ได้ขอบคุณแฟนคลับพร้อมกับยอมรับว่ากดดันเรื่องการแสดงอยู่ อยากพัฒนาและพยายามทำผลงานทุกชิ้นให้ออกมาดีที่สุด หนุ่มเอมเผยว่า

“สำหรับคำที่ว่าเจ้าพ่อโรงหนัง โรงภาพยนตร์ จริงๆ ผมทำงานน้อยชิ้นนะแต่ละปี บางครั้งมันดันมาออนแอร์ช่วงเวลาเดียวกันเฉยๆ ก็เลยดูเหมือนติดๆ กัน ซึ่งปกติถ้าไม่มีอะไรทำก็อยู่บ้าน ไม่ได้รู้สึกว่าออกกองทุกวันขนาดนั้น ถามว่าเราเลือกงานจากอะไร เลือกมองบทแบบไหน เราไม่รู้หรอกว่าเราอยากได้อะไร คือมันก็มีตัวละครหรือบทที่เราอยากเล่น มันเป็นอุดมคติและความคาดหวัง เวลาเจอตัวละครหรือโปรเจกต์ที่มันใช่ มันจะรู้สึกว่ามันอยากทำ โดยที่เราไม่ได้จินตนาการก่อนว่าจะมีสิ่งนี้ ส่วนหลายคนบอกว่าเราเหมือนพี่อนันดาในยุคที่เขาดังๆ มีคนชื่นชอบผลงานของเรา ผมว่าเหมือนแค่ด้านความหล่อมากกว่า ก็ขอบคุณมากๆ คือผมพยายามทำทุกงานให้มันดี แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องการแสดงของผมมันไม่เคยง่าย กดดันมากๆ ก็พยายามจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่ามันก็ดันเป็นอาชีพที่ไม่ได้ขึ้นกับตัวเราขนาดนั้น บางครั้งเราก็ทำได้ดีไม่เท่าความคาดหวังของตัวเอง ก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเรื่อง “Delivery Man (เดลิเวอรี่ แมน)” ก็อาจจะต้องลดน้ำหนักผอมกว่านี้อีกหน่อย น่าจะมีเวลาอีกสักหนึ่งเดือน ซึ่งมันก็มีซีนแก้ผ้านิดหน่อย ต้องไปวิ่ง (หัวเราะ) สำหรับการเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครถามว่ามันติดกลับมาใช้ในชีวิตไหม ไม่เลยครับ ผมไม่เคยอยู่กับตัวละครตอนกลับบ้าน เราจะแยกว่านี่คืองานและนี่คือชีวิตส่วนตัว เราไม่ได้อยากอยู่ในตัวละครนี้ กลับบ้านมาก็ต้องมาเป็นตัวละครนี้ ผมอยู่อย่างนั้นไม่ได้ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องการจมดิ่ง เราอยากมีชีวิตส่วนตัว เวลาคัทเราก็เป็นตัวเอง เราอยากเป็นตัวละครแค่ตอนทำงานเท่านั้น
ส่วนตัวรู้สึกอยากจะลองไปเล่นละครดูบ้าง ที่ผ่านมาผมทำละครเวทีอยู่บ้างเนื่องจากเป็นสารที่ชอบ พอเป็นการแสดงไม่ว่าจะรูปแบบไหนมันโอเคหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นละครช่อง ละครเวที ละครใบ้ หรือว่าหนังภาพยนตร์ มันเป็นการแสดงแล้วก็สนใจไปหมด ก็ทางผู้ใหญ่ติดต่อเข้ามาบ้าง แต่ผมก็อาจจะยังไม่เจอโอกาสที่เหมาะสม ในการกระโจนเข้าไปทำบางอย่าง แต่ผมพยายามทำละครเวทีปีละครั้ง ก็รู้สึกว่าเป็นศาสตร์ที่แฮปปี้มาก ละครเวทีคือเราเล่นไปแล้วมีผู้ชมอยู่ข้างหน้า มันสดมันแฮปปี้ครับ ส่วนสาวๆ หลายคนที่ยกให้ผมเป็นหนุ่มฮอต เพราะเสน่ห์การแสดงจึงทำให้คนอยากรู้จัก ผมก็ขอบคุณมากๆ ครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองฮอต คือผมไม่ได้เล่นติ๊กต็อก จะชอบมีเพื่อนมาบอกว่าเจอเราตามฟีดบนติ๊กต็อกบ่อยมาก ก็ถือว่าโชคดีที่ผมไม่ได้รับรู้ในสิ่งนั้น ก็เคยคิดที่อยากจะเล่นติ๊กต็อกนะ

สำหรับกิจกรรมของสมาคมนักแสดงคือมีทั้งปีครับ สามารถติดตามข่าวสารได้ทางโซเชียล ซึ่งถ้ามีอะไรผมก็จะรีบอัปเดต แต่ว่าตอนนี้ก็ยังประชุมกันอยู่ยังมีหลายๆ สิ่งที่เตรียมตัวทำในปีนี้ประมาณ 345 อย่าง ฝากติดตามกันด้วย น่าตื่นเต้นทุกอัน และส่วนหนึ่งที่สมาคมอยากให้เกิดขึ้นก็คือการสร้างความรู้ความเข้าใจให้มันถูกต้องเกี่ยวกับอาชีพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันยาวยาว นอกจากเรื่องการยกระดับคุณภาพการแสดง ผมรู้สึกว่าอาชีพนักแสดงจริงๆ แล้วมันมีสิ่งที่ต้องเผชิญหลายอย่างมากๆ ผมไม่ค่อยเห็นนักแสดงที่ทำแค่การแสดงอย่างเดียวและอยู่ได้ ถ้าคำว่าวิชาชีพมันหมายถึงการทำสิ่งนี้แล้วเลี้ยงชีพได้ นักแสดงหรือว่าคนทำหนังก็อาจจะไม่เคยเป็นอาชีพก็ได้ เรายังต้องมีจ๊อบเสริม 30 40 จ๊อบ คือเราอยากทำให้นักแสดงเป็นอาชีพหนึ่งที่เราสามารถหาเลี้ยงชีพนักแสดงได้โดยสมบูรณ์ ส่วนเรื่องความกดดันที่ได้รับตำแหน่ง คือผมว่า การมีตำแหน่งมันเป็นแค่การทำให้จดทะเบียนสมาคมได้ ใครจะอยู่และเป็นอะไรไม่สำคัญแต่ว่ามันเป็นเหตุผลในเชิงเอกสารมากกว่า สุดท้ายทุกคนก็ทำงานด้วยกันทุกคนก็ทำหลายตำแหน่ง ซึ่งบทบาทของผมจริงๆ ก็รู้สึกว่าทุกคนเป็นกรรมการ คือทุกสิ่งมันมาจากไอเดียของทุกคน ไม่ได้มีบทบาทอะไรที่มันชัดเจนมาก”

