จากกรณีที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ได้นัดหมาย น.ส.ธนัญญา อุทธนผล น้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ และ น.ส.จันทา อุทธนผล มารดาของอดีตผู้กำกับโจ้ มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการเสียชีวิตของอดีต ผกก.โจ้ ภายในห้องขังหมายเลข 50 แดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม รวมถึงประเด็นข้อร้องเรียนเคยถูกผู้คุมแดน 7 ทำร้ายร่างกายนั้น
ความคืบหน้าเวลา 13.30 น. วันที่ 14 มี.ค. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ออกมาเปิดเผยผลการสอบปากคำเบื้องต้นของน้องสาวและมารดาของอดีต ผกก.โจ้
โดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า สำหรับการเชิญญาติและครอบครัวของอดีต ผกก.โจ้ มาสอบถามในวันนี้ เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้เคยมายื่นหนังสือกับดีเอสไอ จึงทำให้เรื่องนี้ต้องได้รับการพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เรียบร้อยก่อนเสนอไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย (คณะกรรมการชุดใหญ่) ซึ่งมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ขณะที่คณะอนุกรรมการฯ จะมีผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้แทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ มีหน้าที่ในการติดตามแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีที่มีการแจ้งเรื่องบุคคลที่ถูกกระทำสูญหายและทรมาน ว่าจะให้หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ เราจึงได้นัดญาติผู้เสียชีวิตมาให้ข้อมูลในวันนี้ ประกอบกับวันนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ก็ได้มาสอบปากคำญาติในภารกิจเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทราบจากพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ว่าวันนี้ในการสอบปากคำจะมีทั้งคดีชันสูตรพลิกศพ ซึ่งเป็นคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รับผิดชอบ และรวมถึงคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งคดีทำร้ายร่างกายนั้น ทาง สน.ประชาชื่น ได้แจ้งให้ทราบว่าได้ขยายผลเป็นคดีตามความผิดแห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จึงหมายความว่าคดีตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จะเป็นทาง ตร. รับผิดชอบ อีกทั้งทาง ตร. ก็ได้แจ้งไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้มีอัยการมากำกับการสอบสวนคดี พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ของตำรวจ สน.ประชาชื่น ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ที่ดูแลกฎหมายอุ้มหาย ก็จะมีหน้าที่กำกับติดตาม ดูว่ามีความคืบหน้าอย่างไร
ร.ต.อ.วิษณุ เผยต่อว่า เรื่องนี้จะไม่ใช่คดีพิเศษของดีเอสไอ เพราะมันเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดังนั้น ในเรื่องการตรวจสอบเรื่องที่อดีต ผกก.โจ้ ถูกทรมานร่างกายใด ๆ ภายในเรือนจำฯ ก็จะเป็นอำนาจการสอบสวนของตำรวจ สน.ประชาชื่น อย่างไรก็ตาม ผู้แทนของดีเอสไอ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมการปกครอง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็อยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย (คณะกรรมการชุดใหญ่) ซึ่งมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ส่วนคณะอนุกรรมการฯ ก็ติดตามดูเรื่องความคืบหน้าการสอบสวน ฉะนั้น แม้ตำรวจจะอยู่ในคณะอนุกรรมการฯ ก็ต้องมีการรายงานผลการดำเนินงานต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อคณะอนุกรรมการฯ ไปเรียนแจ้งต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ ทั้งนี้ ถ้าเป็นคดีความผิดตามกฎหมายอุ้มหาย การสรุปสำนวนหรือการให้ความเห็นทางคดีก็จะต้องเรียนแจ้งไปยังอัยการสูงสุดให้รับทราบว่าจะแจ้งมาตราใดบ้าง
ร.ต.อ.วิษณุ เผยด้วยว่า สำหรับมาตราที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอุ้มหาย ประกอบไปด้วย มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 ดังนั้น จึงต้องมาดูข้อเท็จจริงว่ามันเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตราใด ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่คนใดกระทำความผิดตามกฎหมายอุ้มหาย ขอให้เป็นเรื่องการสอบสวนของทางตำรวจ สน.ประชาชื่น
ร.ต.อ.วิษณุ ระบุว่า สำหรับรายละเอียดข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น จะได้รับจากการสอบสวนปากคำญาติและครอบครัวอดีตผู้กำกับโจ้ จะต้องถูกนำไปเสนอต่อที่ประชุมของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งมีอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธาน ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ โดยในวันดังกล่าวนี้ประธานจะได้มีการสอบถามความคืบหน้า คาดว่าจะได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ เพราะว่าวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนปากคำญาติในประเด็นตกค้างเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่จากคณะอนุกรรมการฯ บางส่วนแบ่งไปทำหน้าที่ยังเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในสถานที่เกิดเหตุ
ร.ต.อ.วิษณุ ระบุด้วยว่า เบื้องต้นวันนี้ทางครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนในวันที่ 17 มี.ค.นี้ จะสามารถเห็นรายชื่อของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการทำร้ายร่างกายอดีตผู้กำกับโจ้ภายในเรือนจำหรือไม่นั้น คงต้องขอให้มีการประชุมก่อน เพราะประธานคณะอนุกรรมการฯ และเลขาฯ จะได้มีการสอบถามความคืบหน้าว่าเจ้าหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่คนสนใจ อย่างไรก็ต้องมีการนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอุ้มหาย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การประชุมของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งมี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธาน พร้อมอนุกรรมการ รวม 13 รายชื่อ จะเกิดขึ้นในวันที่ 17 มี.ค. เวลา 13.00 น. ที่ ห้องประชุมอาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ.