เมื่อวันที่ 14 มี.ค. รายงานข่าวภายในคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เปิดเผยว่า วันนี้ทางคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ได้มีการนัดหมายญาติของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อายุ 43 ปี อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ จำเลยคดีคลุมถุงดำ มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการเสียชีวิตของอดีต ผกก.โจ้ ภายในห้องขังหมายเลข 50 แดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม

‘พฐก.’ นำหุ่นจำลอง ‘อดีตผกก.โจ้’ สาธิตการผูกคอในห้องขังแดน 5

โดยสอบถามในประเด็นที่ญาติรู้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องสาเหตุที่คิดว่าเป็นความกดดันจนอดีต ผกก.โจ้ ก่อเหตุจบชีวิต หรือถูกกระทำใด ๆ และรวมถึงทุกเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นภายในเรือนจำ ระหว่างที่อดีตผู้กำกับโจ้ถูกคุมขัง เพราะก่อนหน้านี้อดีต ผกก.โจ้ ได้อยู่ในเรือนจำมากว่า 3 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ทำให้ต้องคลี่คลายว่าปัญหามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ทั้งนี้ยังได้ให้ญาติย้อนเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงวันสุดท้ายที่อดีต ผกก.โจ้ ตัดสินใจจบชีวิต เพื่อดูว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างการสื่อสารของญาติและอดีตผู้กำกับโจ้ แล้วที่ผ่านมาทางญาติได้มีการดำเนินการอะไรไปบ้าง ไปร้องทุกข์ที่ไหนมาบ้าง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ จะได้บันทึกถ้อยคำให้การเหล่านี้ ก่อนประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลเอกสารต่างๆ

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ในวันนี้มีทั้งเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.2 (ในฐานะผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น จะเข้าไปสอบถามเรื่องของคดี เพื่อนำไปประกอบสำนวนในคดีหลัก ขณะที่พนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของคณะอนุกรรมการฯ บางส่วนได้แบ่งไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาจาก สน.ประชาชื่น ว่ามาในประเด็นคดีการเสียชีวิตของอดีต ผกก.โจ้ หรือไม่ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ตอบคำถามใด ก่อนเดินเข้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขณะที่ในเวลา 10.05 น. น.ส.ธนัญญา อุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมมารดา ได้เดินทางมาถึงอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยผู้สื่อข่าวสังเกตว่าน้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ได้นำแฟ้มเอกสารมาด้วย และกล่าวสั้น ๆ ว่า “ขอขึ้นไปให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ก่อน”