จากปัญหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่บรรจุญัตติไม่ได้เสียที เนื่องจากประธานรัฐสภาบอกว่า เป็นญัตติที่ใส่ชื่อคนนอก คือ “อดีตนายกฯ แม้ว” ทักษิณ ชินวัตร เช่นนี้จะสุ่มเสี่ยงต่อการโดนฟ้องร้องพาดพิง และประธานรัฐสภาจะโดนด้วยในฐานะผู้บรรจุญัตติ ในที่สุด วันที่ 13 มี.ค. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้นัด “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และผู้นำฝ่ายค้านหารือเรื่องญัตติ

ภายหลังการประชุม หัวหน้าเท้งยืนยันมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ก็ปรับคำในญัตติ เพื่อประธานสภายอมบรรจุญัตติ แต่ต้องมาดูรายละเอียดอีกว่าจะปรับคำเป็นอย่างไร (มีรายงานข่าวว่า จะใช้คำว่า “พ่อ” แทนชื่ออดีตนายกฯ แม้ว) และการอภิปรายนั้น ฝ่ายค้านควรจะได้รับไม่ควรต่ำกว่า 30 ชั่วโมง ส่วนจะกี่วันยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องรอดูรัฐบาลและ ครม.ใช้เวลาชี้แจงเท่าไร จากการหารือยืนยันตรงกันว่าเมื่อให้มีการปรับคำและให้การอภิปรายเดินหน้าได้ ก็ต้องให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายเหมาะสมที่สุด เชื่อว่านายทักษิณเป็นบุคคลสาธารณะ หากต้องการจะชี้แจงต่อประชาชน สื่อมวลชนย่อมให้ความสนใจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงในสภาก็ได้ หรือหากจะมาในสภา พวกตนก็ยินดี

ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังปฏิบัติภารกิจ ผู้สื่อข่าวถาม “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างรอ นายกฯ อิ๊งค์เดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าด้วยท่าทางอารมณ์ดี ฮัมเพลง “ไม่ใช่ผู้ชาย” (ของลูกหว้า พิจิกา) ท่อนที่ว่า “ผู้ชายคนนั้น ที่ฉันแอบหลงรัก” ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าอารมณ์ดี เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านยอมตัดชื่อพ่อแม้ว ออกจากญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่

นายกฯ กล่าวว่า “เขาบอกว่าจะใช้คำว่าชายคนนั้นใช่หรือไม่ และมีเพลงพอดี เลยร้องแกล้งกันกับทีมงาน แต่ไม่อยากร้องเพลง เพราะกลัวเพี้ยนแค่นั้นเอง ไม่มีอะไร ส่วนเวลาอภิปรายที่จะใช้ 30 ชั่วโมงนั้นได้เลย อย่างที่บอกอะไรที่ถูกต้องตามกฎตามหลัก ก็ตามนั้นทุกๆ เรื่อง และชายคนนั้นก็แฟร์ดีไม่มีชื่อ ถ้าจะใช้คำว่าพ่อ เหมาะหรือไม่เหมาะเชิญทุกท่าน ผู้รู้ตอบเลย” พร้อมผายมือออก และย้ำว่า “ฝ่ายค้านขอ 30 ชั่วโมงพร้อมจัดสรรเวลา ถ้าอภิปรายก็ไปฟัง คงอยู่ที่สภาเพื่อเตรียมตัวและเตรียมคำตอบ ไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส์”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีว่า จะมี สส.ของพรรคฝ่ายค้านจำนวน 10 คน พร้อมยกมือไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะมีการพูดคุยกับเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าเร็วๆ นี้ จะทยอยเข้ามาที่พรรคกล้าธรรม
ซึ่งก็น่าจะเป็น สส.พลังประชารัฐ (พปชร.) เก่า ที่จะย้ายมาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ส่วน สส.งูเห่าในพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) น่าจะไปเพื่อไทย

“สส.ใบพลู” รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) พูดถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ถ้าอดีตนายกฯ แม้วพูดแฟร์ๆ ออกสื่อเลยว่าพาดพิงได้ พูดถึงได้ บรรดานั่งร้านคงไม่ต้องมาใช้เวทีนี้เอาซีนปกป้องนาย ที่ฝ่ายรัฐบาลบอกว่าถ้าฝ่ายค้านไม่พาดพิงนายทักษิณก็จะไม่มีเรื่องอภิปราย เป็นวิธีการของพรรคเพื่อไทย ที่พยายามทำตัวเหนือคนอื่น ทำตัวมีคุณค่า ทั้งที่ไม่มีความสามารถมาสอนคนอื่นได้
“ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลทำหน้าที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน การอภิปรายของพรรคเพื่อไทยก็ไม่ดีจนน่าจดจำ นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พูดราวกับสอน พูดอยู่ 4 ชม. มีเนื้อหาอยู่นิดเดียว พูดราวกับตนเองเก่ง แน่ ราวกับว่านี่คือมหัศจรรย์ นี่คือโรนัลโดแห่งสภา ผมว่าอย่าประเมินตนเองสูงจนเกินไป ขอให้รอดูการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของเรา ที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของน้ำท่วมทุ่ง พรรคเพื่อไทยเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ เคยพาดพิงถึงคนนอกไม่น้อยไปกว่าพวกเรา แต่วันนี้พอตนเองมาอยู่ในบทนี้ พยายามตีฆ้องร้องป่าว เขียนเสือให้วัวกลัว ทำตัวราวกับเป็นพระอรหันต์ แต่เนื้อหาสาระไม่มีเลย” นายรังสิมันต์ กล่าว

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัยคำร้องของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ ขอให้ตีความคำว่า ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมาตรฐานจริยธรรมของรัฐมนตรี “นายกฯ อิ๊งค์” กล่าวเพียงว่า ไม่มีอะไร ถือว่าเราได้ถามไปแล้ว ต่อไปการแต่งตั้งอะไรก็คงต้องเข้มเหมือนตอนตั้ง ครม.แพทองธาร 1 ถ้าสมมุติว่าเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก ก็ต้องเปลี่ยนรัฐบาลอีก คิดว่าทุกคนไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น พยายามทำให้ปลอดภัยที่สุดดีกว่า โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาจะดูคุณสมบัติเป็นหลัก และถามความเห็นหน่วยงานต่างๆ ประกอบ
“วาระที่จะเข้าที่ประชุม ครม. ก็ต้องผ่านการตรวจสอบ เราอยากให้รัฐบาลแข็งแรง ไม่อยากให้ความผิดเล็กๆ น้อยๆ หรืออะไรที่เส้นไม่ชัด มันทำให้ค่อนข้างลำบากไปหมด ทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งอะไร เราต้องทำงานหนักกันทุกคน เพราะไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด”

“บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ยอมรับว่า เรื่องการตีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เป็นเรื่องยาก เพราะความหมายคำว่า “วิญญูชนพึงกระทำ” วิเคราะห์ยาก ขอย้ำว่า การยื่นศาลตีความเรื่องนี้ไม่เกี่ยวเรื่องการปรับ ครม. เพราะนายกฯ ย้ำไปแล้วว่ายังไม่ปรับ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า เราทราบแนวทางของศาลพอสมควร แต่เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาจริงๆ ในแง่ของการตีความหลักสำคัญจะแต่งตั้งบุคคลใด บางคนถูกปรับในข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด เช่นนี้ถือว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ ดุลพินิจมันกว้าง ตามหลักนิติรัฐและนิติธรรม กฎหมายต้องมีความแน่นอน เราจึงพยายามทำเรื่องนี้ให้ชัด

“แต่ในเมื่อศาลไม่ตอบก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และหลังจากนี้จะแต่งตั้งใครต้องใช้ดุลพินิจกันเอง ระมัดระวังกันเต็มที่ ที่ผ่านมา การตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตรวจสอบ สอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมันไม่จบ เพราะเมื่อมีการใช้ดุลพินิจก็จะเป็นปัญหาตามมาอีก
หากพูดตรงไปตรงมา การเมืองบ้านเรามาแบบนี้ นักการเมืองก็ไม่ใช่นักบวช ขนาดพระยังมีข้อครหา ก็ต้องดูจนกว่าจะทำการเมืองให้ใสสะอาด เราก็เห็นกันอยู่ว่าเมื่อมาถึงจุดนี้เป็นอย่างไร เขาถึงเรียกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า รัฐธรรมนูญปราบโกง แต่ก็ควรจะกำหนดมาตรฐานชัดเจน ไม่เปิดโอกาสให้ตีความได้หลายทาง ต้องคุยกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ได้หมายความว่าให้ลดมาตรฐานจริยธรรม แต่อยากให้ชัดเจน” นายชูศักดิ์ กล่าว

ปิดท้ายกันด้วยเรื่องฮั้ว สว.ที่ สว.เอาคืนดีเอสไอ ยื่นให้ ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบต่อ ป.ป.ช. ปรากฏว่า วันที่ 13 มี.ค. “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ภัทรพงศ์ ศุภักษร ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อคัดค้านคำร้องของกลุ่ม 105 สว. ที่มายื่นเอาผิด พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา
ทนายอั๋นปูดข่าวความไม่ชอบมาพากลในการตั้งที่ปรึกษา สว. ว่า ที่ปรึกษาเกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้ว สว.หรือไม่ ถือเป็นการต่างตอบแทนกันหรือไม่ โดยอ้างข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ ที่ส่งคำสั่งให้ที่ปรึกษา สว.หยุดการเคลื่อนไหว ความว่า “ประกาศด่วน ขอความร่วมมือจากทุกท่าน เนื่องจากขณะนี้ดีเอสไอกำลังตรวจสอบการทำผิดของสว.(ฮั้ว) ซึ่งอาจจะมีการตรวจสอบถึงเรื่องต่างตอบแทนด้วย ซึ่งอาจมีผลกระทบถึง สว.ได้ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด
1.ยุติการดำเนินงานที่ปรึกษาทั้งหมดทันที (งดการแต่งกายที่ปรากฏว่าเป็นที่ปรึกษา) 2.ท่านที่เคยโพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกิจกรรมที่ปรึกษาให้ยกเลิกการตั้งค่าเป็นสาธารณะหรือลบโพสต์ดังกล่าวออก 3.งดการโพสต์ถึงการเป็นที่ปรึกษาในทุกทางสื่อ 4.งดการจัดกิจกรรมวันที่ 22 มีนาคม 2568 ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หมายเหตุ :ห้ามเผยแพร่ประกาศนี้สู่บุคคลภายนอกโดยเด็ดขาด” ทนายอั๋นบอกว่า นำรายชื่อผู้ช่วย สว.ไปประกบกับรายชื่อ 1,200 รายชื่อ ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของดีเอสไอ ว่าเกี่ยวพันกันหรือไม่.
ทีมข่าวการเมือง