กรณี นางเก๋ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี อาชีพครูอยู่ที่กรุงเทพฯ เดินทางมาพร้อมญาติมาร้องหน่วยงานต้นสังกัดของสามี หลังจากพบว่าฝ่ายชาย ที่มีตำแหน่งเป็นถึง รองผอ.สนามบิน แอบไปแต่งงานกับลูกสาวนักการเมืองในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ทั้งที่ทะเบียนสมรสยังคาอยู่ เคยพยายามพูดคุยให้เลิกพฤติกรรมชู้สาวแต่ฝ่ายชายกลับยืนยันรักหญิงคนใหม่ ไม่กลับไปอยู่กับนางเก๋ และลูกทั้ง 3 คนแน่นอน อย่างไรก็ตาม หลังจากมาร้องต้นสังกัดที่ฝ่ายสามีทำงานอยู่ ปรากฏว่าผู้บังคับบัญชาของสามี กลับไม่ได้ให้ความเป็นธรรม ตะเพิดทั้งหมดออกจากพื้นที่ จนต้องไปแจ้งความลงประจำวันยืนยันว่า ไม่ได้ก่อเหตุวุ่นวายในสนามบินแต่อย่างใด และอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้

ครูสาวสุดช้ำ! ผัวไลน์ขอเลิกไปแต่งงานใหม่ โชว์บ้านหรูเคียงคู่ลูกสาวนักการเมือง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. น.ส.ปุ๊ก (นามสมมุติ) ที่มีภาพแต่งงานกับ รองผอ.สนามบิน ได้ออกมาระบุว่า หลังทราบข่าวตนกลายเป็นผู้เสียหาย กลายเป็นฝ่ายโดนหลอก หลังฝ่ายชายมาสารภาพกับตนว่า ยังคาทะเบียนสมรสกับภรรยาอยู่ สาเหตุที่ไม่บอกเพราะ เกรงว่าจะเสียตนไป ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาเคยแต่งงานมาแล้ว มีลูกผ่านมาแล้วเช่นเดียวกับตน ที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว ประกอบกับเคยสังเกตมานานตั้งแต่คบกันมากว่า 2 ปี ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเขา พ่อแม่รับรู้ทุกอย่าง

ที่ผ่านมาไม่เคยถือ เพราะทั้งตนและเขาเคยผ่านการมีครอบครัวมาก่อน เป็นแม่ม่ายมาเหมือนกัน ตนใช้เวลานานไม่ใช่ 2-3 วัน ทางครอบครัวมองว่าเห็นคบกันมานาน พอดีพี่สาวอยู่เมืองนอกเดินทางกลับบ้าน จึงอยากจะจัดพิธีตามประเพณีอีสานคือการผูกข้อไม้ข้อมือ ไม่ได้จัดงานแต่งใหญ่โต เป็นเพียงว่าอยากให้พ่อแม่ญาติพี่น้องรับรู้เท่านั้น

ตอนนี้กำลังปรึกษาทนายความว่า ตนจะทำอะไรได้บ้าง ยอมรับทุกข์มากที่ผิดพลาด ไม่คิดว่าจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตนเอง อีกทั้งยังถูกสังคมโจมตีอีกทั้งเสียหายทั้งโดนหลอกหลายด้าน ตอนนี้จะพยายามเข้มแข็ง ถ้าตนรู้ว่าเขามีภรรยาหรือยังคาทะเบียนสมรสอยู่ ตนไม่เอาอย่างแน่นอน ตอนนี้ให้เขาไปเคลียร์ตัวเองก่อน จะยังไม่คุยกัน ส่วนเรื่องจะกลับมาคืนดีหรือไม่ หากเขาเคลียร์กันลงตัว มันเป็นเรื่องอนาคตพูดตอนนี้ไม่ได้

ขณะที่ฝ่าย “รองผอ.สนามบิน” ได้ออกมายอมรับว่า “…ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ที่ไปหลอกให้เขาแต่งงาน ผมรักเขาไม่อยากเสียน้องไป จึงทำทุกวิถีทาง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับน้อง เป็นความผิดของผมทั้งหมด…” รองผอ.สนามบิน กล่าวและเผยต่อไปว่า

ส่วนภรรยาที่มีทะเบียนสมรส ไม่ได้มาหาตนนานมาก เคยพูดกันทางไลน์แต่ไม่มาก ภรรยารู้นิสัยผมดี ผมเป็นคนชอบเที่ยวชอบเจ้าชู้ตามประสาผู้ชาย ส่วนฝ่ายใดจะมาดำเนินคดีกับตน ก็น้อมรับขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว หลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหญิงทั้งสองคน ส่วนต้นสังกัดจะมีระเบียบอย่างไรขึ้นอยู่กับส่วนกลาง

ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามภรรยาฝั่งมีทะเบียนสมรส ถึงเรื่องไม่เคยมาพบสามีเลยในห้วง 2-3 ปี ได้รับคำตอบว่า สามีพูดถูกทุกข้อ สาเหตุที่ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะสามีบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ตนกับลูกขับรถไปหาที่บุรีรัมย์ จะอ้างสารพัดว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงบ้าง ไปประชุมบ้าง ทุกครั้งที่ตนเดินทางมาถึงบุรีรัมย์ สามีจะไม่ให้เจอแม้แต่ครั้งเดียว ต้องขับรถเลยไปบ้านเกิดที่อุบลราชธานีทุกครั้ง คือช่วงเวลาที่เขาไปติดผู้หญิง ยอมรับสามีเป็นลูกผู้ชายที่ยืดอกรับแทนแฟนใหม่ได้ดี เหมือนถูกบังคับให้พูด ถ้าแบ่งเอาอกมายืดรับกับภรรยาถูกต้องตามกฎหมายน่าจะดี