สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า นายพอล กรูเอนวัลด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเอสแอนด์พี เรตติง กล่าวว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดจากการปรับเพิ่มภาษีศุลกากรของทำเนียบขาว อาจทำให้การลงทุนของภาคธุรกิจล่าช้า และกระตุ้นให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
มากไปกว่านั้น การผลักดันให้ลดการใช้จ่ายของภาครัฐและลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ภายใต้การดูแลโดยสำนักงานของนายอีลอน มัสก์ ก็สร้างความวุ่นวายเกินความจำเป็นเช่นกัน
ทั้งนี้ กรูเอนวัลด์ยกตัวอย่างการ “ปฏิรูปรัฐบาล” ในสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน ซึ่งดำเนินการในลักษณะ “ที่คาดเดาได้และเป็นระเบียบ”
Trump uncertainty brings risk of ‘avoidable’ recession — economist https://t.co/V7skgHDgtn
— Inquirer (@inquirerdotnet) March 13, 2025
“ผมคิดว่าวัตถุประสงค์นั้นมีประโยชน์ แต่การดำเนินการกลับไร้ระเบียบมาก” กรูเอนวัลด์กล่าวเสริม “หากสิ่งนี้ทำให้บริษัทและผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย และอุปสงค์ลดลง เราอาจเผชิญกับภาวะชะลอตัว หรืออาจถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งโดยส่วนใหญ่สามารถหลีกเลี่ยงได้” พร้อมย้ำว่า “ถือเป็นความเสี่ยงด้านลบ”
กรูเอนวัลด์อธิบายต่อไปว่า เศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา อยู่ในจุดที่มั่นคง เมื่อทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม มีการพุ่งขึ้นของดัชนีความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งได้รับความสนใจมากขึ้น นับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว
ปัจจุบัน ดัชนีความไม่แน่นอนดังกล่าว อยู่ที่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ 40 ปี แม้ต่ำกว่าระดับสูงสุดในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ยังถือว่าสูงกว่าระดับที่พบเห็น ในยุครัฐบาลชุดแรกของทรัมป์.
เครดิตภาพ : AFP