เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่โรงเรียนโพธิสารพิทยาการ กรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานความร่วมมือในโรงเรียนร่วมพัฒนา หรือ Partnership School Project ระหว่างบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กับ สถานศึกษาในกรุงเทพมหานคร จำนวน 71 แห่ง แบ่งเป็น สถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพมหานคร 1 และ สพม.เขต 2 จำนวน 47 แห่ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กรุงเทพมหานคร จำนวน 24 แห่ง
โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าว ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือในรูปแบบการมีส่วนร่วม เพื่อการพัฒนาการศึกษาไทย เพราะการพัฒนาระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ ตนพูดมาตลอดว่าเหมือนการจดทะเบียนสมรส และเป็นความรักที่เกิดขึ้นกับบริษัทซีพีออลล์ โดยบางคนอาจคิดว่าความร่วมมือเหมือนเป็นการคลุมถุงชน แต่ตนไม่อยากให้คิดเช่นนั้น อยากให้ทุกคนเปิดมิติใหม่ทำใจให้กว้างว่า ความร่วมมือนี้คืออะไร และจะช่วยพัฒนาอะไร เนื่องจากการขับเคลื่อนการศึกษาของตน จะต้องมีการทำความร่วมมือมือกับภาคเอกชนมากขึ้น

“ความร่วมมือโรงเรียนร่วมพัฒนาในเขตกรุงเทพมหานครนั้น แม้จะเป็นโรงเรียนในเมืองใหญ่ แต่ก็ยังพบความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามีทั้งผู้เรียนที่มีความพร้อมและความเป็นเลิศทางวิชาการ ขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มเด็กที่ยังเข้าไม่ถึงโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียม ดังนั้นความร่วมมือเหล่านี้ จะเข้าไปช่วยเติมเติมสิ่งที่ขาดแคลนได้ ทั้งนี้ตนอยากให้ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนี้ทั้ง 71 แห่ง ได้มีโอกาสเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศึกษารูปแบบการจัดการศึกษาของสถาบันการศึกษาปัญญาภิวัฒน์ด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสมิติบริหารจัดการศึกษาที่มากขึ้น” รมว.ศธ.กล่าว
ด้านนายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาจะจะสร้างอาชีพสร้างงาน และทำให้เราอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ซึ่งบริษัท ซีพีออล์ พร้อมร่วมพัฒนาการศึกษาของประเทศ และมีความมุ่งมั่นตั้งใจให้โครงการนี้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยโครงการทวิภาคีนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และบริษัท ซีพีออล์ ก็ยินดีที่จะร่วมมือกับทุกโรงเรียนในเครือข่าย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวสามารถทำงานไปเรียนไปมีรายได้ จบแล้วมีงานทำ และเราพร้อมปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของ เพื่อสร้างเยาวชนได้รับการบรรจุทำงาน 100% และหากต้องการศึกษาต่อ บริษัทซีพีออล์ก็จะจัดการศึกษาให้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราพร้อมที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้พัฒนาอาชีพและให้ความรู้ให้ความสนใจ