คุณเคยสังเกตไหมว่า คนรอบข้างหลายคนมักมีอาการไม่สบายท้อง?

บางคนตื่นเช้ามา ก็รู้สึกไม่สบายท้อง ต้องดื่มน้ำอุ่นสักหน่อยถึงจะดีขึ้น บางคนพอกินอาหารรสจัดก็เริ่มปวดท้อง ท้องอืด ถึงขั้นนอนไม่หลับทั้งคืน บางคนอายุยังน้อย แต่พอส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร กลับพบว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง หรือปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น

ทำไมคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารถึงเยอะขนาดนี้? จริงๆ แล้ว หลายครั้งไม่ใช่เพราะกระเพาะอาหารไม่ดี แต่เป็นเพราะวิธีบำรุงกระเพาะอาหารในชีวิตประจำวันไม่ถูกต้อง หรือไม่ได้รับการบำรุงเลย

ติง เว่ย, เย่ว์ ไห่เยี่ยน, ซี ซู่เจวียน จาก Health Guide เปิดเผยคำแนะนำจากแพทย์ชาวจีน ถึง 5 เคล็ดลับง่าย ๆ ช่วยบำรุง “กระเพาะอาหาร” ทำให้เราไม่มีอาการปวดท้อง และห่างไกลจากความเสี่ยงในการเป็นโรค “กรดไหลย้อน”

การปกป้องสุขภาพกระเพาะอาหารไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่รักษาพฤติกรรมที่ดีบางอย่างอย่างต่อเนื่อง กระเพาะอาหารก็จะค่อยๆ ดีขึ้น จะทำให้เรากระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

5 เคล็ดลับช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ปกป้องร่างกาย

  1. หลังกินข้าว อย่า “นอนแผ่” กระเพาะอาหารจะแข็งแรงขึ้น

หลายคนชอบเอนหลังบนโซฟาหรือเก้าอี้หลังกินอาหาร ทำท่าทางที่สบายเป็นพิเศษ บางคนถึงกับนอนลงเลย พฤติกรรมนี้ดูเหมือนจะสบาย แต่จริงๆ แล้ว มันทำร้ายกระเพาะอาหารมากกว่าที่คุณคิด

หลังกินอาหาร กระเพาะอาหารกำลังทำงานอย่างหนัก กรดในกระเพาะอาหารและเอนไซม์ย่อยอาหารกำลังถูกหลั่งออกมา ถ้าคุณนอนแผ่ หรือนอนเอนหลัง อาหารก็จะหยุดนิ่งอยู่ในกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารไม่ย่อย

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคกรดไหลย้อน ท่าทางแบบนี้จะทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก ท้องอืด และเมื่อเวลาผ่านไป อาจทำให้เกิดปัญหากับหลอดอาหารได้

พนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง เพราะความเครียดจากการทำงาน หลังกินอาหารกลางวัน เขาก็จะนั่งบนเก้าอี้เล่นมือถือ เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย ทำท่าทางแบบนี้นานครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ทำให้เขารู้สึกไม่สบายท้อง บางครั้งถึงกับปวดจี๊ดๆ ต่อมาก็มีอาการท้องอืดและแสบร้อนกลางอก หลังจากการตรวจอย่างละเอียด พบว่าเขาเป็นโรคกรดไหลย้อนเล็กน้อย และเยื่อบุกระเพาะอาหารก็มีการอักเสบบางส่วน

ต่อมา เขาเปลี่ยนพฤติกรรมหลังกินอาหาร ยืนขึ้นหลังกินอาหารทุกวัน เดินไปมาช้าๆ เพียงไม่กี่นาที หลังทำอย่างต่อเนื่อง อาการของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายคนคิดว่าโรคกระเพาะอาหารไม่เกี่ยวกับท่าทาง แต่จริงๆ แล้ว มันมีผลกระทบมากกว่าที่คุณคิด

  1. กินอาหารช้า ๆ กระเพาะอาหารจะได้ไม่รับภาระหนัก

หลายคนคุ้นเคยกับการกินเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานออฟฟิศและนักเรียน พวกเขามักจะกินอาหารให้เสร็จภายในไม่กี่นาที แต่การกินอาหารเร็วเกินไปจะทำร้ายกระเพาะอาหาร

กระบวนการกินอาหารไม่ได้เป็นเพียงแค่การยัดอาหารเข้าไป แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือการส่งสัญญาณ “เตรียมย่อยอาหาร” ให้กับกระเพาะอาหาร

ถ้าเคี้ยวไม่ละเอียด อาหารชิ้นใหญ่ๆ ก็จะเข้าไปในกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป กระเพาะอาหารอ่อนแอ ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และแผลในกระเพาะอาหารก็จะเพิ่มขึ้น

มีพนักงานส่งของคนหนึ่ง อาหารกลางวันของเขาทุกวันคือการกินอะไรก็ได้ 2-3 คำในช่วงพักส่งของ เขาจะกินบะหมี่สองสามคำแล้วกลืนลงไป โดยไม่สนใจที่จะเคี้ยวให้ละเอียด

เมื่อเวลาผ่านไป กระเพาะอาหารของเขาก็เริ่มมีปัญหา เขามักจะรู้สึกปวดท้องหลังจากกินอาหารได้ไม่นาน ต่อมา เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง แพทย์บอกเขาว่าถ้าเขาไม่เปลี่ยนนิสัยนี้ อาการอาจจะแย่ลงอีก

หลังจากปรับเปลี่ยน เขาลองกินอาหารให้ช้าลง เคี้ยวแต่ละคำอย่างน้อยสิบกว่าครั้ง ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน อาการก็ดีขึ้น ไม่รู้สึกปวดท้องหลังกินอาหารอีกเลย

ความเร็วในการกินอาหารเป็นตัวกำหนดสุขภาพของกระเพาะอาหารโดยตรง ถ้าคุณกินอาหารแบบรีบๆ อยู่เสมอ ความดันในกระเพาะอาหารก็จะสูงกว่าปกติหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น การกินอาหารเร็วเกินไป จะทำให้มีอากาศเข้าไปในกระเพาะอาหารจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการท้องอืด เรอ และอาจส่งผลต่อสุขภาพลำไส้

ดังนั้น แม้ว่าจะยุ่งแค่ไหน ก็ควรให้โอกาสตัวเองได้กินอาหารอย่างช้าๆ และเงียบๆ นี่ไม่ใช่แค่เพื่อกระเพาะอาหาร แต่เพื่อการทำงานที่มั่นคงของระบบย่อยอาหารทั้งหมด

  1. อย่าดื่มน้ำก่อนและหลังอาหารแบบสุ่มสี่สุ่มห้า

หลายคนชอบใช้น้ำ “ช่วย” กลืนอาหารเวลาที่กินอาหาร หรือถึงกับดื่มน้ำมากๆ หลังกินอาหาร โดยคิดว่าวิธีนี้จะทำให้อาหารลงไปในกระเพาะอาหารได้เร็วขึ้น ไม่ติดคอ จริงๆ แล้ว นิสัยนี้ส่งผลต่อความสามารถในการย่อยอาหารของกระเพาะอาหาร

กระเพาะอาหารต้องการสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดที่เหมาะสมในการย่อยอาหาร แต่ถ้าดื่มน้ำมากเกินไปก่อนอาหาร กรดในกระเพาะอาหารก็จะเจือจาง ทำให้ความสามารถในการย่อยอาหารลดลง การดื่มน้ำมากๆ หลังอาหารจะทำให้อาหาร “แช่” อยู่ในกระเพาะอาหารนานเกินไป เพิ่มภาระให้กับกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย

มีผู้ป่วยสูงอายุคนหนึ่ง มักบ่นว่าท้องอืด อาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังกินอาหาร เขาคิดมาตลอดว่า การทำงานของกระเพาะอาหารไม่ดี แต่หลังการตรวจพบว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กระเพาะอาหารโดยตรง แต่อยู่ที่นิสัยการดื่มน้ำของเขา เขาดื่มซุปเยอะมากในแต่ละมื้ออาหาร และต้องดื่มน้ำอีกแก้วใหญ่หลังกินอาหาร กรดในกระเพาะอาหารจึงอยู่ในสภาพ “เจือจาง” เป็นเวลานาน ความสามารถในการย่อยอาหารจึงลดลง

แพทย์แนะนำให้เขาลดปริมาณการดื่มน้ำก่อนและหลังอาหาร เปลี่ยนไปดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร ผลปรากฏว่าอาการท้องอืดของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัดภายในหนึ่งเดือน และอาการไม่สบายตัวหลังอาหารก็หายไป การดื่มน้ำไม่ได้ผิด แต่ผิดที่จังหวะการดื่มน้ำ

ก่อนอาหารสามารถดื่มน้ำเล็กน้อยเพื่อหล่อลื่นช่องปากได้ แต่ไม่ควรดื่มมากเกินไป หลังอาหารควรดื่มน้ำหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง วิธีนี้จะทำให้กระเพาะอาหารมีเวลาเพียงพอในการย่อยอาหาร และความสามารถในการย่อยอาหารจะไม่ถูก “เจือจาง”

  1. กระเพาะอาหารชอบอาหารที่มีอุณหภูมิเหมาะสม การสลับกินร้อนเย็นทำร้ายกระเพาะมากที่สุด

บางคนชอบกินซุปร้อนๆ คำหนึ่ง ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ คำหนึ่ง คิดว่าการกินอาหารแบบนี้มันสะใจ แต่จริงๆ แล้ว กระเพาะอาหารมีความไวต่ออุณหภูมิมาก การสลับกินร้อนเย็นจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารถูกกระตุ้น เมื่อเวลาผ่านไป จะทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือแม้แต่แผลในกระเพาะอาหารได้ง่าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังกินหม้อไฟร้อนๆ แล้วดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หรือกินข้าวร้อนๆ เสร็จแล้วกินไอศกรีม กระเพาะอาหารจะทำงานหนักมาก

พนักงานส่งอาหารหนุ่มคนหนึ่งเป็นโรคกระเพาะอาหาร เพราะนิสัยการกินแบบนี้ เขากินอาหารไม่เป็นเวลา บางครั้งยุ่งมาก อาหารเย็นชืดแล้วถึงเริ่มกิน หลังกินอาหารเขาก็ชอบดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ

ผลปรากฏว่ากระเพาะอาหารเริ่มมีปัญหา ตอนแรกๆ แค่ปวดเป็นครั้งคราว ต่อมาก็ปวดท้องบ่อยๆ สุดท้ายตรวจพบว่าเยื่อบุกระเพาะอาหารมีแผล

แพทย์บอกเขาว่า กระเพาะอาหารกลัวการกินอาหาร “ร้อนๆ เย็นๆ” มากที่สุด ถ้าเป็นแบบนี้ไปนานๆ กระเพาะอาหารจะไวต่อความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจเป็นโรคร้ายแรงได้

กระเพาะอาหารชอบสภาพแวดล้อมที่อ่อนโยน อุณหภูมิอาหารที่เหมาะสมที่สุดคือประมาณ 37-40 องศาเซลเซียส อาหารที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกายดีต่อกระเพาะอาหารที่สุด

ถ้าอาหารร้อนเกินไป อาจลวกเยื่อบุกระเพาะอาหาร เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะอาหาร ถ้าอาหารเย็นเกินไป จะส่งผลต่อการบีบตัวตามธรรมชาติของกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย

ดังนั้น เวลากินอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารร้อนๆ เย็นๆ สลับกัน

  1. อาหารว่างตอนดึก ต้องเลือกกินให้ถูกต้อง

คนที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร คิดว่ากินอาหารว่างตอนดึกไม่ได้ แต่จริงๆ แล้ว อาหารว่างตอนดึกไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของโรคกระเพาะอาหาร สิ่งสำคัญคือคุณกินอะไร? และกินอย่างไร?

บางคนชอบกินบาร์บีคิว ไก่ทอด หม้อไฟ พร้อมเบียร์เย็นๆ ตอนดึก เมื่อเวลาผ่านไป กระเพาะอาหารต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าเลือกอาหารที่ย่อยง่าย เช่น นมอุ่น ข้าวโอ๊ต หรือโจ๊กอ่อนๆ และกินในปริมาณที่ไม่มากนัก ก็จะไม่ทำร้ายกระเพาะอาหารมากนัก

โปรแกรมเมอร์คนหนึ่งทำงานล่วงเวลาเป็นประจำ ตอนกลางดึกจะหิวมาก อดไม่ได้ที่จะสั่งอาหารเดลิเวอรี่ เขาชอบกินไก่ทอดและบาร์บีคิวมากที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มปวดท้องบ่อยๆ และยังตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะกรดไหลย้อน ต่อมาเขาเปลี่ยนมาดื่มนมอุ่นและข้าวโอ๊ต โดยกินในปริมาณที่ไม่มากนัก ทำให้ภาระของกระเพาะอาหารลดลงอย่างมาก ไม่ปวดท้องอีก

อาหารว่างตอนดึกไม่ใช่กินไม่ได้ แต่ต้องเลือกอาหารให้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รสจัด เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อกระเพาะอาหาร

การบำรุงกระเพาะอาหารเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้ยาก เพียงแค่มีนิสัยที่ถูกต้อง กระเพาะอาหารก็จะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะสบายตัวมากขึ้น.

ที่มาและภาพ : sohu, Health Guide, freepik