เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ สภ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รอง ผบช.ภาค 3, พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช รอง จเรตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่รอง ผบช.ภาค 3, พ.ต.อ.อดุลย์ สุรำไพ ผกก.สภ.เขมราฐ, พ.อ.ปภังกร หมื่นสา ผบ.ทก.กกล.สุรนารี, พ.อ.วุฒิชัย ยศพิทักษ์ รอง ผบ.ทก.กกล.สุรนารี, น.อ.ชชนน อิทธิภูรินท์ ผบ.นรข.เขตอุบลราชธานี, นายรัฐพงศ์ รุ่งธนศักดิ์ นายอำเภอเขมราฐ, ตม.อุบลราชธานี, เจ้าหน้าที่ทหารชุด กกล.สุรนารี และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมแถลงผลการจับกุมนายธวัชชัย อายุ 22 ปี ชาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางยาบ้า 800,000 เม็ด รถโตโยต้า ทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถกระบะ อีซูซุ ทะเบียน อุบลราชธานี และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

รอง ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า ภายใต้อำนวยการโดย พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.กก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี, พ.ต.อ.อดุลย์ สุรำไพ ผกก.สภ.เขมราฐ ได้รับเบาะแสจากสายข่าวว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่เตรียมส่งให้กับเครือข่ายผ่านไปสู่พื้นที่ชั้นใน จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.บวรศักดิ์ คำรังษี รอง ผกก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี นำเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนทำการจับกุมที่บริเวณป่าไร่มันสำปะหลัง ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้บ้านอูบมุง ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา

กระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน เป็นรถกระบะสีเทา 1 คัน และรถเก๋งสีขาว 1 คัน มาจอด และมีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงจากรถมา 5 คน เตรียมที่จะขนกระสอบยาบ้า 4 กระสอบขึ้นรถยนต์เก๋ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม เมื่อกลุ่มชายทั้งหมดรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ จึงรีบวิ่งหนีเข้าป่าอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ 4 คน ส่วนอีก 1 คน เจ้าหน้าที่วิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวได้ ทราบชื่อ คือ นายธวัชชัย อายุ 22 ปี ชาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมรถของกลาง ตรวจสอบพบยาบ้า 800,000 เม็ด จึงควบคุมตัวมาสอบสวน
สอบสวนเบื้องต้น นายธวัชชัย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และซัดทอดนายกบ ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง เป็นผู้ว่าจ้างให้ขับรถเก๋งมารับยาบ้าดังกล่าวไปส่งให้กับเครือข่ายที่ จ.ศรีสะเกษ โดยมีรถกระบะขับนำร่อง แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับได้ก่อน โดยยังไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ซึ่งตกลงไว้ค่าขน 5 หมื่นบาท

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป