จากกรณีข่าวเครือข่าย We Fair ยกพลยื่นหนังสือให้บอร์ดประกันสังคมฝ่ายลูกจ้าง เสนอ 5 ข้อปฏิรูประบบประกันสังคม ทั้งเพิ่มเงินบำนาญชราภาพจากฝ่ายนายจ้าง-ภาครัฐ ไปจนถึงเสนอให้ สปสช. มาบริหารจัดการสิทธิประโยชน์สาธารณสุขพื้นฐานให้เท่าเทียมกัน ต่อมาด้านบอร์ด สปส. รับหลักการปรับสูตรคำนวณบำนาญใหม่ เริ่ม 1 ม.ค. 69 พร้อมปรับฐานเงินสมทบแบบขั้นบันได รับฟังความเห็น 90 วัน ช่วย 3 แสนคนได้เพิ่มกว่า 2,000 บาท ขอให้ผู้ประกันตนร่วมแสดงความเห็น หวังแก้กฎหมายเสร็จใน มิ.ย. 68 ไม่มีผลย้อนหลัง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 “รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี” บอร์ดประกันสังคม ฝ่ายลูกจ้าง ก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพขณะตนเองสวมกอดลูกเขียนข้อความระบุว่า “พ่อรีบกลับบ้านมาบอกข่าวดีหนู ไม่มีใครในบ้านเราได้รับประโยชน์จากสูตรบำนาญนี้ คุณตา คุณยาย เลิกส่งประกันสังคมมานานแล้ว พ่อก็เงินเดือนทะลุ 15,000 มาตั้งแต่ทำงาน”
“แต่วันนี้พ่อได้สวมกอดคนมากมาย รับผลไม้ ขนมจากคนที่พ่อไม่รู้จัก พวกเขาร้องไห้ โอบกอดกัน เมื่อพ่อบอกว่าพวกเราชนะ เรามีสื่อมวลชนที่ช่วยเรื่องนี้ มีความโกรธและคับแค้นของคนธรรมดา มีนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ที่เจ็บปวดพร้อมกับเรา เพราะมีการเลือกตั้งบอร์ดโดยตรงเสียงของความไม่พอใจจึงดังก้องหอประชุม เราสู้เรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ เก่งแค่ไหนก็ทำไม่ได้ พวกเขา คิดว่าเราต้องหวาดกลัวและอ่อนแอเมื่อมีคนต้องดูแลแต่ไม่ใช่สำหรับพ่อ กอดหนูสักครั้ง เพื่อคนข้างหลังพ่อสู้ตาย สูตรบำนาญ CARE อนุมัติหลักการเอกฉันท์”
ทั้งนี้ยังเข้ามาคอมเมนต์เพิ่มเติมในโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “ไนล์ ผู้ตรวจสอบงบประชาสัมพันธ์ 380 ล้าน ผู้รื้อระบบ อบรมไม่ได้มาตรฐาน-คนที่สอนผมว่าลดความเป็นนักวิชาการแล้วเป็นตัวเองมากขึ้น จะสามารถสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจเราอิงกับวาทะบำนาญอาจารย์ปีละพันล้าน แต่ถ้าปล่อยให้ซื้อตึกมั่ว ๆ คือทิ้งเงินปีละแสนล้าน เราต้องตรวจสอบพร้อมกับผลักดันสิทธิประโยชน์ไปพร้อมกัน”

“คู่หู หมอชุ หมอณัฐตีแผ่งบการแพทย์ 70,000 ล้าน ประกันสังคม” ทั้งนี้ด้านษัษฐรัมย์ยังเล่าเหตุการณ์ที่หลายคนไม่รู้ต่ออีกว่า “พี่เอส ธนพงษ์ ผู้ดันเรื่องนี้ในระดับอนุกรรมการ วันนี้ร้องไห้สองรอบความกดดันมากมายมหาศาล”

อย่างไรก็ตาม ษัษฐรัมย์เผยต่อว่า “ในสภามี วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประกันสังคมก้าวหน้า ก็มี ชลิต รัฐปานะ ที่พร้อมจะเปิดไมค์สู้เพื่อผู้ประกันตนทุกจังหวะ”…
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @Sustarum Thammaboosadee