พ.อ.รวิรักษ์ สัตตบุศย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช เปิดเผยว่า ภายชุดเฉพาะกิจ ได้รับรายงานว่ามีการลักลอบนำเข้าเมล็ดฝ้ายเข้ามาในราชอาณาจักรไทยผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง จึงวางแผนเข้าตรวจสอบ 2 จุด คือ 1. ท่าเรือแหลมฉบัง และ 2. ที่ตั้งบริษัทที่นำเข้าเมล็ดฝ้าย เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ โดยเบื้องต้นเข้าตรวจสอบเส้นทางการนำเข้าเมล็ดฝ้าย ณ ท่าเรือแหลมฉบัง พบข้อมูลในระบบแจ้งนำเข้าสินค้าของด่านตรวจพืช (NSW) มีชื่อผู้นำเข้ารายเดียวกันกับที่มีการแจ้งการนำเข้ากากเมล็ดฝ้ายไว้กับด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง และจากการประสานข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังพบว่าตู้สินค้าทั้งหมดถูกปล่อยออกไปจากเขตท่าเรือแหลมฉบังหมดแล้ว จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบและขยายผลไปถึงโกดังให้เช่าเก็บสินค้า เลขที่ 319/10 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
จากการตรวจสอบพบในโกดังมีเมล็ดฝ้าย จำนวน 231,942 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,831,876.29 บาท ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และการตรวจค้นพบว่าสินค้าเป็นเมล็ดฝ้ายจริงตามที่ได้รับข้อมูลมา ซึ่งสินค้าที่สำแดงอันเป็นเท็จนี้ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ. 2507 และแก้ไขเพิ่มเติม (นำเข้าสิ่งต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต) และสำแดงข้อมูลอันเป็นเท็จในเอกสารแจ้งการนำเข้า และความผิดตามมาตรา 202, 244 และ 252 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 และความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จึงได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิดดังกล่าว รวมทั้งได้ทำการเก็บตัวอย่างสินค้ามอบให้พนักงานสอบสวนและทำการยึดอายัดห้ามเคลื่อนย้ายไว้ในโกดังเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป และชุดจับกุมได้มาลงบันทึกจับกุมไว้ที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
นอกจากนี้ เตรียมขยายผลไปยังกระบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายอื่นอย่างเข้มข้นไม่ลดละ หากพบการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง พร้อมเดินหน้าลุยเพื่อขจัดสินค้าเกษตรเถื่อนให้หมดไปจากประเทศไทยตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์