เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 12 มี.ค. ที่สำนักงาน กสทช. พหลโยธิน ซอย 8 สภาผู้บริโภค นำโดย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการ ด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค และนายอิฐบูรณ์ อันวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ได้เข้ายื่นหนังสือถึง นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อให้ชะลอการประมูลคลื่นความถี่ครั้งใหม่ หลังจาก บอร์ด กสทช. ได้เห็นชอบกำหนดกรอบระยะเวลา หรือ ไทม์ไลน์ ในการประมูลวันที่ 17-18 พ.ค. 68 โดยมี พล.อ.สิทธิชัย มากกุญชร ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำ ประธาน กสทช. เป็นตัวแทนรับมอบ
โดยยกเหตุผลว่า การประมูลคลื่นความถี่ครั้งใหม่ อาจไม่เป็นธรรมหรือไม่ เมื่อผู้ให้บริการเหลือเพียง 2 ราย แต่มีการเปิดประมูลคลื่นความถี่พร้อมกันถึง 6 ย่านความถี่ รวม 450 MHz มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ประกอบด้วย ย่าน 850 MHz 1500 MHz 1800 MHz 2100 MHz 2300 MHz และ 26 GHz โอกาสในการแข่งขันจึงแทบไม่เหลือ ส่งผลให้ตลาดโทรคมนาคมอาจขาดแรงจูงใจในการแข่งขันและพัฒนา และผู้บริโภคอาจได้รับผลกระทบจากค่าบริการและคุณภาพที่ไม่เป็นธรรม

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคมีความกังวลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของ กสทช. ที่มีมติให้จัดประมูลคลื่นความถี่พร้อมกันถึง 6 ย่านความถี่ และทราบว่าในวันที่ 12 มี.ค. กสทช. จะมีการจัดประชุมประกาศหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงมายื่นหนังสือคัดค้านก่อนการประชุมดังกล่าว เพื่อเรียกร้องให้ชะลอ พร้อมทบทวนหลักเกณฑ์ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
“การมายื่นคัดค้านถึง กสทช. เนื่องจากสภาผู้บริโภคมองว่าการประมูลครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคม โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียงสองรายหลัก อีกทั้งการประมูลดังกล่าว ไม่มีหลักประกันที่ชัดเจนว่าผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพบริการ ราคา หรือความคุ้มครองจากภาครัฐ และอาจนำไปสู่การผูกขาดที่กระทบต่อผู้บริโภคในระยะยาว”
น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า สำหรับสาเหตุหลักที่สภาผู้บริโภคเสนอให้มีการชะลอการประมูลคลื่นความถี่ 2 ประเด็นหลัก ดังนี้ 1.การประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ อาจไม่มีการแข่งขันที่แท้จริง เนื่องจากมีผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงสองรายเท่านั้น คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น และ เอไอเอส ซึ่งเกิดจากการที่ กสทช. อนุญาตให้มีการรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคมก่อนหน้านี้ ผลการวิจัยจาก 101 Public Policy Think Tank พบว่า ผู้บริโภคที่ใช้บริการจากสองค่ายนี้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.9% หรือราว ๆ 100 บาทต่อคนต่อเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับค่าบริการก่อนและหลังการรวมกิจการ ซึ่งแพ็กเกจราคาถูกที่สุดในปี 2565 ที่ราคา 299 บาท/เดือน หายไป และกลายเป็น 399 บาท/เดือน แทน ดังนั้น การประมูลคลื่นความถี่ในครั้งนี้ที่มีทั้งหมด 6 ย่านความถี่ จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพและราคาของบริการที่ผู้บริโภคต้องรับในอนาคต ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
2. การประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ ไม่มีการกำหนดเพดานราคาค่าบริการสูงสุดที่เหมาะสมกับปริมาณและคุณภาพการบริการที่จะเก็บจากผู้บริโภค รวมถึงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน (MVNO) ที่ต้องแข่งขันในตลาดเดียวกัน ซึ่งหมายความว่า ไม่มีการรับประกันว่า ผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการรายเล็กจะได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมจากการประมูลครั้งนี้ ในตลาดที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เหลือแค่สองรายเท่านั้น

“ทางสภาผู้บริโภค ต้องการให้ กสทช. ทบทวน เพราะที่ผ่านมายังไม่มีหลักประกันว่า การประมูลครั้งนี้ จะมีมาตรการที่คุ้มครองผู้บริโภค หรือไม่ หลังจากมีตัวอย่างจากการควบรวมทรู และดีแทค 2 ปี แต่ กสทช. ยังกำกับดูแลได้ไม่เท่าที่เคยประกาศ หรือมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด ไม่มีผลงานเป็นที่ปะจักษ์ การประมูลคลื่นครั้งใหม่นี้ ทาง สภาผู้บริโภค จึงอยากให้มีการนำเรื่องมาคุยกันทุกฝ่ายหาทางออก โดยเฉพาะได้ข่าวว่าจะมีการลดราคาขั้นต่ำลงอีก จึงยิ่งเป็นการเอื้อให้เอกชนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การมายื่นหนังสือครั้งนี้ เป็นการทำตามกระบวนการ หาก กสทช. ไม่มีการพิจารณาทบทวนถึงที่สุดแล้ว ทางสภาผู้บริโภค ก็คงต้องพึ่งศาลปกครองเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่เราก็ไม่อยากให้ต้องดำเนินการถึงขั้นนั้น” น.ส.สุภิญญา กล่าว
ด้าน พล.อ.สิทธิชัย มากกุญชร กล่าวว่า หลังรับหนังสือ ทางสำนักงงานฯ จะนำเรื่องส่งไปยังสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม เพื่อนำเรื่องเสนอต่อบอร์ด กสทช. ทุกท่าน หลังจากนั้นก็ต้องมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด กสทช. เพื่อให้พิจารณาหนังสือดังกล่าว ว่าจะมีคำสั่งการว่าอย่างไร เพราะโดยปกติแล้ว เมื่อมีการร้องเรียนจากผู้บริโภคแล้ว ต้องมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุม กสทช. พิจารณา
ด้าน นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. ด้านโทรคมนาคม กล่าวว่า การยื่นเรื่องคัดค้านการประมูลคลื่นความถี่ พร้อมกัน 6 คลื่น ของสภาผู้บริโภคนั้น คงต้องเป็นเรื่องที่ต้องนำเข้าที่ประชุมบอร์ด กสทช. ก่อนว่า ทางบอร์ด กสทช. แต่ละท่านจะมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง