เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 11 มี.ค.ที่โรงแรมอัล มีรอซ ถนนรามคำแหง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1446 โดยมี คณะรัฐมนตรี และนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ผู้แทนเอกอัครราชทูตประเทศมุสลิมประจำประเทศไทย จำนวน 19 ประเทศ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศ คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และตัวแทนมุสลิมเข้าร่วมงาน
โดยนายกฯ กล่าวแสดงความยินดี และขอบคุณ ที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งเป็นปีแรกของตนเองที่ได้มารับฟังบทสวดการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ในเดือนรอมฎอนเป็นเดือนอันประเสริฐ ขอให้พี่น้องชาวมุสลิมทั้งหลายประสบความสุข ความสำเร็จในชีวิต ดั่งที่องค์พระอัลเลาะห์ได้ประทานพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เพื่อให้ยึดถือปฏิบัติในการดำเนินชีวิต โดยพี่น้องชาวมุสลิมได้น้อมจิตระลึกถึงพระคัมภีร์อัลกุรอาน ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความศรัทธา และการถือศีลอดตามหลักศาสนบัญญัติ ทำให้ได้ฝึกความอดทน ขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์ บริจาคทาน และแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้ ถือเป็นการทำความดีที่มีคุณค่ายิ่งในตลอดช่วงเวลาแห่งเดือนรอมฎอน ขอชื่นชมชาวมุสลิมทุกคนที่ได้ตั้งจิตมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจถือศีลอดในช่วงเวลา แห่งเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ให้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ
“ในโอกาสอันเป็นมงคลเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1446 ขออวยพรอันประเสริฐแห่งองค์พระผู้อภิบาล ได้โปรดประทานความเมตตา ความสุขกาย สุขใจให้แก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคน และอำนวยพรให้ทุกคนประสบแต่ความสุข ความสวัสดี มีความจำเริญ พร้อมทั้งขอให้ดุอาอ์ของทุกคนสำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ ” นายกฯกล่าว
ด้านจุฬาราชมนตรี กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่จัดงานนี้ให้กับชาวมุสลิมในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงไมตรีจิตที่ผูกพันฉันท์พี่น้องร่วมชาติมาอย่างยาวนาน เป็นการสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันในระบบสังคม ความเชื่อและศาสนาของแผ่นดินไทย
ซึ่งการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนได้ถูกบัญญัติแก่มุสลิมให้ถือปฏิบัติมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อนพระศาสดากว่าหนึ่งพันปีที่ผ่านมา เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มีความประเสริฐและมีคุณค่าความสำคัญต่อชาวมุสลิม เป็นเดือนของการประทานพระมหาคัมภีร์อัลกุระอาน การปฎิบัติศาสนกิจในยามค่ำคืน การขอพรและขออภัยโทษต่อพระผู้เป็นเจ้า รวมถึง การบริจาคทานด้วย
จากนั้นนายกฯมอบกระเช้าผลไม้อบแห้ง (สำหรับเดือนรอมฎอน) เป็นของที่ระลึกแก่จุฬาราชมนตรี และร่วมรับประทานอาหาร ก่อนเดินทางกลับ.