เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.พรรชน์ญมน (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ชาว อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ว่ามารดา คือ นางจันทนา (สงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี มีเรื่องกระทบจิตใจขั้นรุนแรงถึงขั้นช็อกและเสียชีวิต ขณะเข้ารักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ขณะนี้ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดพุทธบูชา ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2558 นางจันทนา ได้ว่าจ้างทนายความยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก หลังจาก นายเอนกศิลป์ (สงวนนามสกุล) น้องชายซึ่งได้เสียชีวิตกะทันหัน โดยก่อนหน้านี้ น้องชายของแม่ ขาดสภาพคล่องทางธุรกิจ จึงได้ขอให้แม่โอนที่ดินเป็นสวนยางพาราเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เพื่อนำไปเป็นหลักทรัพย์ในการกู้เงินจากธนาคาร และก่อนที่น้องชายของแม่จะเสียชีวิต ได้แจ้งกับตนซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของแม่ ว่าขอให้ตนนำเงินไปไถ่ถอนที่ดินแปลงดังกล่าวจากธนาคารในจำนวน 2.9 ล้านบาท เนื่องจากก่อนหน้านี้น้าชายยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของบริษัทได้ และธนาคารได้ยื่นโนติสให้ไถ่ถอนที่ดิน โดยน้าระบุว่าเมื่อตนไถ่ถอนที่ดินแล้ว ให้ทำการโอนกรรมสิทธิ์กลับมาเป็นของแม่ ไปในคราวเดียวกัน แต่ขณะนั้นตนยังไม่มีเงิน จึงยังไม่ได้ดำเนินการไถ่ถอน ต่อมาน้าเสียชีวิตกะทันหัน

หลังจากนั้นทางญาติทำศพน้าชายเรียบร้อยแล้ว ได้มีความพร้อมที่จะไปไถ่ถอนที่ดินจากธนาคาร จึงได้ไปติดต่อที่ธนาคาร แต่ธนาคารแจ้งว่าจะต้องดำเนินการให้ผู้จัดการมรดกเป็นผู้ดำเนินการแทน นางจันทนา ผู้เป็นแม่จึงได้ว่าจ้างทนายความคนหนึ่ง ซึ่งมีความน่าเชื่อถือ เพราะพบเห็นความเคลื่อนไหวทางสื่อโซเชียล ฝ่ายทนายยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกของน้าชายต่อศาลจังหวัดเวียงสระ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการไถ่ถอนที่ดินซึ่งเป็นของแม่
แต่ระหว่างนั้นทราบว่า มี “อดีตภรรยาของน้าชาย” ไปดำเนินการยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกต่อศาลเรียบร้อยแล้ว จึงได้ว่าจ้างทนายความคนเดิม ให้ดำเนินการคัดค้านและยื่นถอดถอนผู้จัดการมรดก เวลาล่วงเลยมานานร่วม 8 ปี ทุกครั้งที่แม่ทวงถามถึงความคืบหน้า ก็จะถูกทนายคนดังกล่าวบ่ายเบี่ยง และอ้างเหตุผลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการยื่นถอดถอนผู้จัดการมรดกมาโดยตลอด รวมถึงมีการเรียกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครั้งละ 5,000-10,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 80,000 บาท

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา แม่ตัดสินใจชวนตนกับสามี ไปติดตามคดีด้วยตนเองที่ศาลจังหวัดเวียงสระ แต่ปรากฏว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ว่าคดีที่แม่ของตน ยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก และคัดค้านถอดถอนผู้จัดการมรดกคนก่อนของน้าชาย ได้ถูกถอนออกจากสารบบศาลไปแล้ว ทำให้แม่เสียใจอย่างหนักจนช็อกหมดสติ ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ และส่งต่อรักษาตัวในห้องไอซียู ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา
การกระทำของทนายคนดังกล่าว นอกจากครอบครัวของตนต้องสูญเสียแม่ สูญเสียเงินทองในการว่าจ้างทนาย ยังต้องสูญเสียทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดินของแม่ ซึ่งทราบว่าหลังจากที่ “อดีตภรรยาของน้าชาย” ที่เป็นผู้จัดการมรดก ได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวออกไปแล้ว ตนเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความไม่รู้กฎหมาย จึงทำให้สูญเสียไปหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ตนจะเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ “สภาทนายความแห่งประเทศไทย” เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบจริยธรรมของทนายความคนดังกล่าว รวมถึงขอความช่วยเหลือไปยังผู้เกี่ยวข้อง เข้ามาให้คำแนะนำและช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย

น.ส.พรรชน์ญมน กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากที่ครอบครัวของตนถูกทนายความหลอกลวงแล้ว ยังพบว่า ในการยื่นเป็นจัดการผู้มรดก มีความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อให้มีการดำเนินการทางด้านกฎหมาย ตนเชื่อว่าในคดีนี้อาจมีการสมยอมกันระหว่างทนายความของตนกับคู่กรณี เนื่องจากน้าชายของตนมีทรัพย์สินในระดับหนึ่ง