เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จ.นนทบุรี ราชวิทยาลัยวิชาชีพแพทย์แห่งประเทศไทย ได้จัด การเสวนาสื่อและแถลงข่าว “หมอไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า : ข้อเท็จจริงที่ประชาชนต้องรู้” โดยมีตัวแทนแพทย์จากราชวิทยาลัยวิชาชีพแพทย์แห่งประเทศไทยทั้ง 14 แห่ง ร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ทำเครื่องหมายไม่เอา “บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน ที่เรียกว่า Heated  Tobacco Product : HTPs”

ผศ.นพ.ธัญเดช นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้แทนราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย แถลงจุดยืนว่า ในฐานะตัวแทนของสมาคม ราชวิทยาลัยวิชาชีพแพทย์ฯ ต่างๆ กว่า 10 แห่ง ขอแสดงจุดยืนไม่เอา “บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated  Tobacco Product : HTPs) งานวิจัยทั่วโลกชี้ว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์เสพติดสูงสุด และมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว มีอันตรายต่อทุกระบบของร่างกายทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แตกต่าง คือ ในเด็กมีผลกระทบต่อสมองที่กำลังพัฒนาของเด็กตั้งแต่ในครรภ์ถึง 25 ปี ซึ่งธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าได้ผลิต “TOY POD” บุหรี่ไฟฟ้าทรงการ์ตูน เพื่อพุ่งเป้าในเด็กเล็กลงถึงระดับประถมศึกษา นำมาสู่วิกฤตการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ยิ่งทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันเลวร้ายหนักขึ้น รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบให้ผู้สูบ เกิดปอดอักเสบเฉียบพลันรุนแรง (EVALI ) ต้องเข้ารับการรักษาใน ICU ดังที่ปรากฏในข่าว ดังนั้นต้องช่วยกันสื่อสารความเข้าใจ และหยุดยั้งไม่ให้เกิดกฎหมายกฎหมายอนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้ 

รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา ผู้แทนราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน ไม่ได้เป็นสารที่ลดอันตราย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ออกมาอย่างมากมายต่อเนื่อง ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการเสพติดได้ง่ายและในระดับที่รุนแรงกว่าที่เกิดจากการสูบบุหรี่มวน และยาสูบเป็นต้นเหตุของการป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย ภาษีที่เรียกเก็บได้จึงไม่คุ้มค่ากับโรคที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงจุดยืนยังได้มีการเสวนาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดย รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า ช่วงแรกของการออกมาโปรโมทบุหรี่ไฟฟ้านั้น บริษัทผู้ผลิตมักกล่าวอ้างว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวนถึง 95% อ้างอิงงานวิจัยของอังกฤษ แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการเฉลยว่า ผู้เชี่ยวชาญที่เขียนเรื่องนี้ เขียนจากความคิดของตัวเอง แต่ไม่ได้รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาวิจัย เห็นได้ว่าตอนนี้การเปิดเผยข้อมูลเป็นเหมือนภเขาน้ำแข็งที่โผล่เหนือระดับน้ำนิดเดียวเท่านั้น แต่ภายใต้มีน้ำแข็งมหึมา หรือข้อมูลที่เราไม่เคยรู้อีกมาก โดยทุกวันนี้การขายผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าไม่ได้ขายเหมือนผลิตภัณฑ์เหมือนเมื่อก่อนแต่เป็นการขายนิโคติน ซึ่งเป็นนิโคตินที่มีศักยภาพในการดูดซึมสูงและมีผลต่อการเสพติด

รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าวอีกว่า นิโคตินที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้ากว่าร้อยละ 90 ไม่ใช่นิโคตินตามธรรมชาติแต่เป็นนิโคตินสังเคราะห์เพื่อให้เกิดการเสพติดง่ายขึ้น ทำให้ความสามารถในการแทรกซึมเข้าไปในสมองง่ายและมากขึ้น ที่สำคัญบุหรี่ไฟฟ้าที่ทดลองใช้ครั้งแรกจะไม่มีอาการไอ แสบคอ เหมือนบุหรี่ทั่วไป ทำให้ดึงดูดเด็กๆมากขึ้น กลิ่นและรสชาติมีความหลากหลายมากกว่า 16,000 ชนิด โดยนิโคตินตัวนี้เรียกว่านิโคตินซอล(Salt Nic) จากที่ผมสัมภาษณ์เด็กทุกคนที่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าบอกว่าสูบแล้วรู้สึกสมูท ฟินมาก นี่สะท้อนว่าการตลาดมุ่งไปที่เด็กๆชัดเจน

รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าวอีกว่า ไอของบุหรี่ไฟฟ้านั้น มีสารเคมีมากถึง 2,000 ชนิด ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ผนังหลอดเลือด เซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจและปอด และกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดสมองตีบ หลอดเลือดหัวใจตีบและกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหืด โรคถุงลมโป่งพอง ลมรั่วปอดแตก และ EVALI  ซึ่งงานวิจัยในหนูทดลอง พบว่า 1 ใน 4 ของหนูที่สูดดมควันบุหรี่ไฟฟ้าเกิดมะเร็งปอด และเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะเริ่มแรก (pre-cancer) ยังพบว่า บุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลต่อเซ็กซ์เสื่อม 2.24 เท่าจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน

“ดังนั้นจากหลักฐานเชิงประจักษ์ทางการแพทย์ที่มีในปัจจุบันจึงสามารถกล่าวได้ว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้าไม่ปลอดภัย มีพิษภัยต่อสุขภาพมนุษย์อย่างชัดเจน’ ซึ่งการศึกษาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากโรคที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้าสูงเป็น 1,500 เท่า ของภาษีที่เรียกเก็บได้ เรียกว่า ภาษีที่ได้ไม่คุ้มกับสุขภาพอนาคตของชาติที่เสียหายจากบุหรี่ไฟฟ้า” รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว.