เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 32 แม่และพี่สาว นายธัช (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี นักโทษชายเรือนจำพื้นที่ จ.ราชบุรี เดินทางนำหลักฐานเอกสารต่าง ๆ เข้าร้องเรียนกับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือ หลังลูกชายถูกผู้คุมในเรือนจำ 6 คน รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ภายหลังฝ่ายนักโทษร้องขอชีวิต ให้แม่และพี่สาวช่วยทำเรื่องร้องเรียนไปที่เรือนจำ แต่กลับกลายเป็นว่าลูกชายยิ่งถูกข่มขู่ และกลั่นแกล้งอย่างหนักกว่าเดิม จากการโดนผู้คุมที่ทำร้ายร่างกาย จนต้องแอบฝากจดหมายน้อยมากับเพื่อนนักโทษที่พ้นโทษ เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยทางแม่และพี่สาวหวั่นเกรงว่าลูกชายจะโดนทำร้าย จนสุดท้ายทนไม่ไหว อาจคิดสั้นฆ่าตัวตายแบบข่าวของ ผกก.โจ้

ด้าน น.ส.บี พี่สาว กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 67 ตนกับแม่ได้ไปเยี่ยมน้องชายที่เรือนจำ ตามปกติ น้องชายได้ร้องไห้และบอกว่าถูกผู้คุม 6 คน รุมทำร้ายโดยใช้สายเคเบิลไทร์มัดมือไขว้หลังกับเพื่อนรวม 11 คน และบังคับให้นอนคว่ำหน้าลงกับพื้น หลังจากนั้นจึงใช้กระบองฟาดไปเท้าตามร่างกาย ใช้รองเท้าคอมแบตกระทืบซ้ำ ก่อนบังคับให้คลานไปกับพื้นในท่าแถกปลาหมอ จนได้รับบาดเจ็บ บางรายถึงขั้นแขนหัก ซึ่งทุกคนที่โดน ไม่มีการให้ไปพบหมอแต่อย่างใด มีแค่ให้ยาแก้ปวดพารามากินเท่านั้น ต้องนอนทนเจ็บปวดอยู่ในห้องขัง

ตนได้สอบถามน้องชายว่าทำไมผู้คุมถึงทำแบบนั้น น้องชายบอกว่ามีนักโทษภาคกลางและภาคใต้ เกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน ผู้คุมจึงเข้ามาระงับเหตุและจับแยกไปที่อีกแดนหนึ่ง ก่อนจะโดนทำร้าย ตนพยายามสอบถามน้องชายในห้องเยี่ยม แต่น้องชายบอกอะไรมากไม่ได้ เพราะกลัวถูกดักฟัง พูดได้แค่ว่าช่วยร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นให้ด้วย หลังจากนั้นตนได้ทำเรื่องร้องเรียนไปที่กรมราชทัณฑ์, สำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน, ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี แต่เรื่องก็เงียบ จนได้ไปเยี่ยมน้องชายอีกครั้ง และบอกว่ายื่นเรื่องร้องเรียนให้แล้วนะ น้องชายก็ร้องไห้แล้วบอกแค่ว่า เพื่อนที่ถูกทำร้ายพร้อมกัน จะถูกปล่อยตัวในวันที่ 6 ก.พ. 68 ให้ตนไปรอรับและพาไปแจ้งความ พอถึงวัน ตนก็ไปรอรับเพื่อนน้องชายที่เรือนจำแต่เช้า ทางเจ้าหน้าที่ก็ถามตนว่ามาเรื่องอะไร ตนก็บอกไปตามตรงว่ามารอเพื่อนน้องชายที่ถูกผู้คุมทำร้ายจะพาไปแจ้งความ เขาบอกว่าให้มาช่วงบ่ายถึงจะทำเอกสารปล่อยตัวเสร็จ พอบ่ายตนก็มารอเจ้าหน้าที่ ก็มาบอกว่าเพื่อนของน้องชายมีญาติมารับกลับไปแล้ว

เช้าวันต่อมา เพื่อนของน้องชายโทรศัพท์มาหาตน โดยเล่าว่า เมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่มาบอกกับเขาว่าไม่มีญาติมารอรับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะไปส่งที่ท่ารถให้เอง ทั้งที่ตนมารอรับอยู่ จากนั้นตนจึงไปรับตัวเพื่อนของน้องชาย พาไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้คุมที่ทำร้ายทั้งหมด ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย และปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่ สภ.เมืองราชบุรี ตำรวจได้ส่งตัวเพื่อนของน้องชายไปตรวจที่ รพ. โดยเพื่อนของน้องชายได้มอบจดหมายน้อย ที่น้องชายฝากออกมาจากเรือนจำที่เขียนถึงตนมาให้ มีข้อความว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่จ้องเล่นงานผมทุกทาง โดยให้นักโทษที่มีโทษน้อยมาคอยหาเรื่องผม เพื่อจะได้ตั้งเรื่องทะเลาะวิวาทและลงโทษทางวินัยได้ ตอนนี้ผมและพยานทุกคนโดนบีบทุกทาง ทั้งตัดห้ามเยี่ยมญาติ เขาขอเคลียร์แต่ผมไม่ยอม

ด้านนางเอ ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า เมื่อวานเห็นทนายรณณรงค์ให้สัมภาษณ์สื่อ กรณี ผกก.โจ้ เสียชีวิตในเรือนจำ จึงบอกให้ลูกสาวพามาร้องเรียน เพราะทุกวันนี้เป็นห่วงลูกชายมาก กลัวเขาจะถูกกลั่นแกล้งแล้วตายในเรือนจำ ตอนไปเยี่ยมล่าสุด ลูกชายก็บอกว่าถูกกลั่นแกล้งทุกอย่าง ข้าวก็ตักให้น้อย และถูกนักโทษคอยเข้ามาหาเรื่องเพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างในการห้ามญาติเยี่ยม ทุกวันนี้เป็นกังวลกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเราไปร้องเรียนผู้คุมที่ทำร้ายลูก แต่เขายังคงมีอำนาจหน้าที่ ทำหน้าที่เหมือนเดิม จึงเกรงลูกจะไม่ได้รับความยุติธรรม

ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปยื่นหนังสื่อร้องเรียนที่ DSI เพราะคดี ผกก.โจ้ ที่เสียชีวิตในเรือนจำ ก็เป็นคนทำคดี คดีนี้ก็เกิดในเรือนจำเหมือนกัน หลายเคสก่อนหน้านี้ที่ทำมาเกี่ยวกับเรือนจำ เป็นอะไรที่ตรวจสอบได้ค่อนข้างยาก แต่ในยุคนี้ก็หวังว่า รมว.ยุติธรรม คนปัจจุบัน จะสามารถทำให้โปร่งใส ตรวจสอบความจริงได้ แต่ถ้าเรื่องยังไม่มีความคืบหน้า ตนก็จะนำเรื่องไปยื่นให้คณะกรรมาธิการช่วยตรวจสอบต่อไป.
